คำสั่งคำร้องที่ 846/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาโจทก์เป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตา 248 ที่แก้ไขใหม่ จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์มีประเด็นที่สำคัญว่าที่ดินพิพาทโจทก์ มีสิทธิครอบครองหรือไม่ และตามข้อเท็จจริงที่ดินพิพาทโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476ตลอดมาจนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 58 ปีเศษแล้ว ซึ่งโจทก์ได้สิทธิ ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367มาตรา 1369 และประมวลกฎหมายที่ดินและโจทก์ได้สิทธิครอบครองโดยอายุความด้วย ข้อต่อสู้ของโจทก์ดังกล่าวนี้เป็นข้อกฎหมายทั้งสิ้น แต่ที่โจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงมาในฎีกานั้น เนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงเพื่อหารือบทข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 170)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทในพื้นที่สีแดงตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา ห้ามจำเลยยุ่งเกี่ยวที่ดินพิพาทอีกต่อไป ให้จำเลยแบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1980 เลขที่ดิน 50 ตำบลท่าทองอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 จำนวนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวาซึ่งเป็นพื้นที่ดิน พิพาทในพื้นที่สีแดงตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ให้แก่โจทก์ และให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการ แสดงเจตนาแทนเจตนาของจำเลยและให้เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอ กาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปฎิบัติ การจดทะเบียนและแบ่งที่ดินตามที่กล่าวมาให้แก่โจทก์ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 11,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงิน 11,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์ เสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 169)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ โดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่ง สำนวนไปศาลฎีกาเพื่อพิจารณาคำสั่ง และศาลฎีกาได้มีคำสั่ง ให้รับคำร้องฎีกาคำสั่งของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป (อันดับ 162,169)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ที่แก้ไข ใหม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ นั้นชอบแล้ว ให้ยก คำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share