แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่มีคำขอท้ายฟ้องให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีนี้ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย และพิพากษาถึงส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากโทษในคดีดังกล่าวว่า คดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้น ศาลมีคำพิพากษาภายหลัง จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้ ตามสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แนบท้ายฎีกาของโจทก์ จำเลยไม่ได้แก้ฎีกาว่าสำเนาคำพิพากษาดังกล่าวไม่ถูกต้อง จึงแสดงให้เห็นว่าการพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวมีขึ้นก่อนคดีนี้ ระหว่างการพิจารณาคดีนี้ของศาลอุทธรณ์จึงปรากฏข้อเท็จจริงต่อศาลอุทธรณ์แล้วว่าคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้ว จึงต้องนับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335 357 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1064/2560 หมายเลขแดงที่ 2828/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2646/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2647/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2648/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3090/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3091/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3092/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3093/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3094/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3096/2560 และคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3097/2560 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหารับของโจร และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 9 เดือน และปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน 15 วัน และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติของจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 4 ครั้ง และกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 24 ชั่วโมง ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อนั้น เนื่องจากศาลมิได้พิพากษาจำคุก จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ยกคำขอส่วนนี้ และยกฟ้องโจทก์ในข้อหาลักทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ ไม่คุมความประพฤติของจำเลย และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยนี้ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1064/2560 หมายเลขแดงที่ 2828/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2646/2560 หมายเลขแดงที่ 3524/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2647/2560 หมายเลขแดงที่ 3525/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2648/2560 หมายเลขแดงที่ 3526/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3090/2560 หมายเลขแดงที่ 4085/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3091/2560 หมายเลขแดงที่ 4086/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3092/2560 หมายเลขแดงที่ 4087/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3094/2560 หมายเลขแดงที่ 4089/2560 ของศาลชั้นต้น ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3096/2560 และคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3097/2560 ของศาลชั้นต้นนั้น ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาภายหลังคดีนี้ จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้ ให้ยกคำขอส่วนนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่นับโทษในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3093/2560 หมายเลขแดงที่ 4088/2560 ของศาลชั้นต้น ชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3093/2560 มีคำขอท้ายฟ้องให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีนี้ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาจำคุกจำเลย 4 เดือน 15 วัน และพิพากษาถึงส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3094/2560 (คดีนี้) คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3095/2560 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 3096/2560 และคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3097/2560 ของศาลชั้นต้น ว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้นศาลมีคำพิพากษาภายหลัง จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้ ตามสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 แนบท้ายฎีกาของโจทก์ ซึ่งจำเลยไม่ได้แก้ฎีกาว่าสำเนาคำพิพากษาดังกล่าวไม่ถูกต้องแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าการพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3093/2560 มีขึ้นก่อนคดีนี้ ระหว่างการพิจารณาคดีนี้ของศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงปรากฏข้อเท็จจริงต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 แล้วว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3093/2560 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้ว จึงต้องนับโทษคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่นับโทษต่อให้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นับโทษจำคุกในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 3093/2560 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4088/2560 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7