แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินที่นายอำเภอมอบให้จำเลยเป็นเงินของสุขศาลาซึ่งอยู่ในความควบคุมของคณะกรมการอำเภอ จึงถือว่าคณะกรมการอำเภอเป็นผู้เสียหายในเงินที่จำเลยรับมอบและยักยอกนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเสมียนสุขศาลาได้รับมอบเงินจากนายอำเภอ ๓๐๐ บาท เพื่อนำส่งกองโอสถศาลา ๒๐๐ บาท และซื้อเครื่องยาและเวชภัณฑ์อีก ๑๐๐ บาท จำเลยยักยอกเอาเงิน ๒๐๐ บาทไปใช้เป็นประโยชน์ตนเสียขอให้ลงโทษ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเงินที่จำเลยยักยอกนี้ ไม่ปรากฏว่าเป็นการมอบหมายกันโดยตำแหน่งหน้าที่ในราชการ จึงเป็นคดีความผิดส่วนตัว ผู้มอบควรเป็นผู้ร้องทุกข์มอบคดีให้ว่ากล่าว หาใช่คณะกรมการอำเภอไม่ โจทก์ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องจำเลย จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เงินจำนวนนี้เป็นเงินราชการของสุขศาลาอยู่ในความควบคุมของคณะกรรมการอำเภอ การที่มอบให้จำเลยไปจัดการก็เป็นในกิจการของสุขศาลาเอง ต้องถือว่าเป็นการมอบหมายกันในทางราชการและคดีนี้โจทก์ได้กล่าวในฟ้องว่าพนักงานสอบสวนได้สอบสวนแล้ว จึงพอถือได้ว่ามีการร้องทุกข์แล้ว พิพากษากลับศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๖ เดือน
จำเลยฏีกา ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์ได้บรรยายชัดเจนว่าเงินที่จำเลยรับมอบไปนั้นเป็นเงินของสุขศาล ส่วนการมอบหมายจะชอบด้วยตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ๆ มีประเด็นในเรื่องนี้ และการที่คณะกรมการอำเภอได้ร้องทุกข์และมีการสอบสวนคดีนี้ ย่อมทำให้พนักงานอัยยการมีอำนาจดำเนินคดีฟ้องร้องจำเลยแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์