คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3572/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ทางอำเภอจะมีคำสั่งแต่งตั้งป่าไม้อำเภอและที่ดินอำเภอเป็นกรรมการตรวจสอบไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์เคลื่อนย้ายไปใช้ประโยชน์ โดยให้ป่าไม้อำเภอเป็นเลขานุการคณะกรรมการมิได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1 ซึ่งรับราชการเป็นพนักงานป่าไม้ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งรับราชการในตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานที่ดินอำเภอประจำอำเภอนั้นเป็นกรรมการก็ตามการที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ลงชื่อรับรองการตรวจสอบไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์อันเป็นการรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จ และจำเลยที่ 1 ลงชื่อในฐานะกรรมการและเลขานุการ จำเลยที่ 3 ลงชื่อในฐานะกรรมการ นายอำเภอก็ยึดถือเอาเอกสารนี้เป็นหลักในการพิจารณาออกหนังสือรับรองให้ราษฎรตลอดมา จำเลยที่ 1 ที่ 3 ย่อมเห็นความสำคัญของเอกสารที่ตนลงชื่อนั้น จะอ้างว่าลงชื่อโดยขาดเจตนากระทำผิดไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นปลัดอำเภอได้ลงชื่อรับรองในเอกสารดังกล่าวอันเป็นการรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จเช่นเดียวกัน การรับรองดังกล่าวต้องอาศัยการตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วน จะอ้างว่าลงชื่อรับรองโดยไม่ได้ตรวจสอบเพราะมีงานอื่นมาก ไม่มีเจตนากระทำผิดไม่ได้ การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลย ๑๐ คนสำหรับจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ รับราชการเป็นพนักงานป่าไม้ ๒ ตำแหน่งผู้ช่วยป่าไม้อำเภอประโคนชัยจำเลยที่ ๒ รับราชการตำแหน่งปลัดอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ จำเลยที่ ๓ รับราชการตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานที่ดินอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากนายอำเภอประโคนชัยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ให้ร่วมกันเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีที่มีราษฎรมายื่นคำขอหนังสือรับรองนำไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์เคลื่อนย้ายไปใช้ประโยชน์ ว่าเป็นไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์จริงหรือไม่ ตามคำขอของราษฎรจำนวน ๙ รายเมื่อตรวจสอบแล้วต้องทำรายงานการตรวจสอบให้ทางอำเภอประโคนชัยทราบเพื่อออกคำสั่งตามคำขอของราษฎร จำเลยทั้งสามจึงมีหน้าที่ร่วมกันทำเอกสารรับเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร จำเลยทั้งสามได้รับทราบคำสั่งแล้วเมื่อระหว่างวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๒๐ ถึงวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๐ เวลากลางวันกลางคืนติดต่อกัน จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันทำและลงชื่อรับรองการตรวจสอบไม้ดังกล่าวในที่ดิน น.ส.๓ ของราษฎรจำนวน ๙ รายว่าเป็นไม้ที่ตัดในที่ดินกรรมสิทธิ์ของราษฎรทั้ง ๙ รายโดยถูกต้องอันเป็นความเท็จบางส่วน โดยรับรองถูกต้องเพียงรายเดียว ส่วนอีก ๘ รายไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อจะเอาไม้จากป่าใกล้เคียงมารวบรวมเข้ากับไม้ที่ตัดในที่ดินกรรมสิทธิ์ จนนายอำเภอประโคนชัยหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงได้ออกหนังสือรับรองให้แก่ราษฎรทั้ง ๘ ราย การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งเอกสารว่าตนได้ทำการอย่างใดขึ้นหรือการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตน อันเป็นความเท็จรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ และการกระทำดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่นายอำเภอประโคนชัยหรือรัฐ หรือได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลประโคนชัย ตำบลปังกู ตำบลละเวี้ย และตำบลยาง อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๑๖๒, ๘๓ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๑๓
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๖๒, ๘๓ อันเป็นบทเฉพาะ รวม ๗ กระทง เรียงกระทงลงโทษทุกกรรม จำคุกกระทงละ ๔ เดือน รวมจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ ๒ ปี ๔ เดือน เมื่อผิดบทเฉพาะแล้วก็ไม่ผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันเป็นบททั่วไปอีก คำขออื่นนอกจากนี้จึงให้ยกเสีย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ฎีกาว่าตนมิใช่กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายอำเภอประโคนชัยแต่งตั้งไม่มีหน้าที่ทำและรับรองเอกสาร ป่าไม้อำเภอและที่ดินอำเภอเป็นผู้บอกให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๓ ตามลำดับลงชื่อแทน ทั้งจำเลยที่ ๒ มีราชการอื่นอีกมาก ไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันรับรองว่าจำเลยทั้งสามได้ไปทำการตรวจสอบไม้เห็นว่าเป็นไม้ที่อยู่ในที่ดินกรรมสิทธิ์จริง อันเป็นการรับรองเป็นหลักฐานอันเป็นเท็จ แม้ได้ความตามคำสั่งอำเภอประโคนชัยฟังได้ว่านายอำเภอประโคนชัยแต่งตั้งป่าไม้อำเภอและที่ดินอำเภอเป็นกรรมการตรวจสอบการนำไม้ชนิดอื่นนอกจากไม้สักและไม้ยางที่ทำออกจากไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์เคลื่อนย้ายไปใช้ประโยชน์ โดยให้ป่าไม้อำเภอเป็นเลขานุการคณะกรรมการด้วย มิได้แต่งตั้งจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ เป็นกรรมการก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ได้ลงชื่อในเอกสารดังกล่าวในฐานะกรรมการและเลขานุการ จำเลยที่ ๓ ลงชื่อในฐานะกรรมการ และนายอำเภอประโคนชัยก็ยึดถือเอาเอกสารนี้เป็นหลักในการพิจารณาออกหนังสือรับรองตลอดมา จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ย่อมเห็นความสำคัญของเอกสารที่ตนลงชื่อดังกล่าว จะอ้างว่าลงชื่อไปโดยขาดเจตนากระทำผิดฟังไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ ๒ เป็นปลัดอำเภอ รับราชการมานานถึง ๒๙ ปีแล้ว ย่อมทราบว่างานเกี่ยวกับป่าไม้เป็นเรื่องของทรัพยากรของชาติ มีผู้แสวงหาประโยชน์อยู่มาก ต้องอาศัยการตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วน การที่จำเลยที่ ๒ มีงานอื่นมา จึงไม่เป็นเหตุให้ฟังว่าไม่มีเจตนากระทำผิดเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓

Share