แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจนได้สิทธิครอบครองภายหลังจากจำเลยได้จำนองที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว การได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทของผู้ร้อง จึงไม่เป็นเหตุให้สัญญาจำนองระงับสิ้นไป โจทก์ผู้รับจำนองโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์จำนองเพื่อบังคับคดีได้.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้และดอกเบี้ยพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมหากไม่ชำระให้ยึดที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาด จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงนำยึดทรัพย์ที่จำนอง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 266 และ 267ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื้อที่ประมาณ 40 ไร่และ 30 ไร่ ตามลำดับ ที่โจทก์นำยึดไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ทั้งสองรายการนี้
โจทก์และจำเลยให้การในทำนองเดียวกันว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของจำเลยขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยที่พิพาทคืนแก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 266 และ 267ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ มีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินทั้งสองแปลงจำเลยเข้าครอบครองทำกินได้ขอออก น.ส.3 และได้รับมาแต่ปี 2509 จำเลยครอบครองทำอยู่ประมาณ 7 ปี จึงได้ไปอยู่ที่อื่น 2 ปีแล้วกลับเข้าไปทำกินในที่พิพาทอีกเมื่อประมาณ ปี 2518ขณะนั้นปรากฏว่านายสม แดงสด เข้าทำกินอยู่ในที่พิพาท จำเลยตกลงชดใช้เงินให้นายสม 12,000 บาท แล้วเข้าทำกินในที่ดินต่อมาในปี 2521 จำเลยจึงได้จำนองที่ดินทั้งสองแปลงไว้แก่โจทก์ต่อมาปรากฏว่าจำเลยไม่ได้ชำระเงินให้นายสมในปี 2523 นายสมเอาที่ดินคืนและขายให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงได้ครอบครองทำกินในที่พิพาทตลอดมา
ข้อต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องมีว่า โจทก์มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทหรือไม่ เห็นว่าตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏขณะยึดทรัพย์รายนี้ผู้ร้องได้แย่งการครอบครองทรัพย์พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว จำเลยมิได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในกำหนดดังกล่าวผู้ร้องจึงมีสิทธิดีกว่าจำเลย เดิมจำเลยเป็นผู้มีชื่อใน น.ส.3 และครอบครองทำกินมาก่อนเมื่อจำเลยละทิ้งการครอบครองไป จนนายสม แดงสดได้เข้าไปครอบครองทำกินอยู่แต่ภายหลังนายสมตกลงให้จำเลยเข้าครอบครองทำกินตามเดิมเมื่อปี 2518 เป็นการครอบครองเพื่อจำเลยเอง มิใช่อาศัยสิทธิของนายสม จำเลยมีสิทธิครอบครองในทรัพย์พิพาทโดยบริบูรณ์ และจำเลยได้ครอบครองตลอดมาจนถึงปี2521 จึงได้นำไปจำนองแก่โจทก์ จำเลยย่อมมีสิทธิจำนองได้การจำนองจึงชอบด้วยกฎหมาย ครั้นปี 2523 ผู้ร้องจึงได้เข้าครอบครองทำกินในที่พิพาทตลอดมา เป็นการเข้าแย่งการครอบครองจนได้สิทธิดีกว่าจำเลย หลังจากที่จำเลยได้ทำการจำนองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วการที่ผู้ร้องได้สิทธิครอบครองไม่เป็นเหตุให้สัญญาจำนองระงับสิ้นไปเพราะเหตุที่ทำให้สัญญาจำนองระงับมีปรากฏตามมาตรา 744 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และนอกจากนี้ในเรื่องจำนองประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสอง บัญญัติว่าผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าการจำนองเป็นทรัพย์สิทธิที่ติดไปกับตัวทรัพย์ที่จำนองผู้รับจำนองย่อมบังคับเอาแก่ตัวทรัพย์ที่จำนองได้ เมื่อโจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ที่จำนองแม้ผู้ร้องได้ครอบครองทรัพย์พิพาทจนได้สิทธิดีกว่าจำเลยโจทก์เป็นผู้รับจำนองโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมมีสิทธิยึดทรัพย์จำนองเพื่อบังคับคดีได้…”
พิพากษายืน.