คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1834/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กรุงเทพมหานครโจทก์อนุญาตให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้าสินค้าบริเวณตลาดนัดใช้ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวงจากมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าของโจทก์ โดยจำเลยเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระค่าไฟฟ้าตามจำนวนที่การไฟฟ้านครหลวงเรียกเก็บ โจทก์เป็นคู่สัญญากับการไฟฟ้านครหลวงโดยตรง เมื่อจำเลยตกลงที่จะชำระค่าไฟฟ้าแทนแม้จำเลยไม่ชำระโจทก์ก็ต้องชำระอยู่แล้วตามที่โจทก์ต้องรับผิดชอบ จึงมิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ออกเงินค่าไฟฟ้าแทนจำเลยอันเป็นเงินทดรองที่โจทก์ได้ออกแทนจำเลยไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(7) กรณีดังกล่าวมิได้มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความทั่วไปคือ 10 ปี ตามมาตรา 193/30

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานของโจทก์จำเลยเป็นผู้ค้าสินค้าประเภทสัตว์มีชีวิตประจำแผงค้าเลขที่ 185, 186 และ 469 ในบริเวณตลาดนัดย่านพหลโยธินของกองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2537 จำเลยได้ยื่นขออนุญาตใช้ไฟฟ้าจากมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าเลขที่ ม.36695 ซึ่งเป็นของโจทก์ ส่วนการชำระค่าไฟฟ้าโจทก์จะเป็นผู้ชำระให้แก่การไฟฟ้านครหลวงไปก่อนแล้วจะแจ้งให้จำเลยนำเงินมาชำระคืนแก่โจทก์ จำเลยได้ชำระค่าไฟฟ้าให้แก่โจทก์เรื่อยมา ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2534 ถึงเดือนพฤษภาคม 2534จำเลยค้างชำระค่าไฟฟ้าทั้งสิ้น 37,710.25 บาท โดยโจทก์ได้ชำระค่าไฟฟ้าดังกล่าวแก่การไฟฟ้านครหลวงแทนจำเลยไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2535 และแจ้งให้จำเลยนำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระคืนแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 37,710.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม2535 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์อ้างว่าชำระค่าไฟฟ้าแทนจำเลยไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม2535 นับถึงวันฟ้อง คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 37,710.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2535 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยเป็นผู้ค้าสินค้าประเภทสัตว์มีชีวิตประจำแผงค้าในบริเวณตลาดนัดย่านพหลโยธินของกองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานครอันเป็นหน่วยงานของโจทก์ โดยจำเลยเป็นผู้นำสินค้ามาขายตามแผงที่โจทก์จัดไว้และเสียค่าธรรมเนียมแก่โจทก์แผงละ 100 บาท จำเลยได้รับอนุญาตจากโจทก์ให้ใช้ไฟฟ้าจากมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าของโจทก์โดยโจทก์และจำเลยทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าดังกล่าวว่าจำเลยจะเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าไฟฟ้าตามจำนวนที่การไฟฟ้านครหลวงเรียกเก็บจากมิเตอร์ดังกล่าวทุกเดือนและจะชำระเงินอีกร้อยละ 40ของค่าไฟฟ้าให้แก่โจทก์ ตามเอกสารหมาย จ.2 ระหว่างในงวดเดือนกุมภาพันธ์ 2534ถึงเดือนพฤษภาคม 2534 จำเลยไม่ชำระค่าไฟฟ้า โจทก์บอกกล่าวทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉยโจทก์ชำระค่าไฟฟ้าดังกล่าวไปแล้วเป็นเงิน 37,710.25 บาท และแจ้งให้จำเลยนำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระ แต่จำเลยเพิกเฉยมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า โจทก์เช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยและมูลหนี้ค่าไฟฟ้าโจทก์เช่ามิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวงแล้วนำมาให้ผู้ประกอบการค้าเช่าอีกต่อหนึ่ง ตามพฤติกรรมดังกล่าวโจทก์จึงเป็นผู้ดำเนินการเช่นผู้ค้า เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าไฟฟ้าตามมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้า เลขที่ ม.35595 ซึ่งเป็นของโจทก์ ซึ่งหน่วยงานของโจทก์อนุญาตให้จำเลยใช้ไฟฟ้าจากมิเตอร์ดังกล่าวได้โดยจำเลยเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระค่าไฟฟ้าตามจำนวนที่การไฟฟ้านครหลวงเรียกเก็บจากมิเตอร์ดังกล่าวทุกเดือนตามเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งเห็นได้ชัดว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับการไฟฟ้านครหลวงโดยตรง ตามปกติโจทก์ต้องรับผิดชอบในการชำระเงินค่าไฟฟ้าตามมิเตอร์ดังกล่าวอยู่แล้วเมื่อจำเลยขออนุญาตใช้ไฟฟ้าจากมิเตอร์ดังกล่าว จำเลยจึงตกลงชำระค่าไฟฟ้าตามมิเตอร์ดังกล่าวแทนโจทก์ แม้จำเลยไม่ชำระโจทก์ก็ต้องชำระอยู่แล้ว กรณีดังกล่าวจึงมิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ออกเงินค่าไฟฟ้าแทนจำเลยอันเป็นเงินทดรองที่โจทก์ได้ออกแทนจำเลยไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34(7) กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการหรือรับทำการงานต่าง ๆ เพื่อเรียกเอาสินจ้างหรือไม่ประกอบกับกรณีดังกล่าวมิได้มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความทั่วไป คือ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 คดีนี้โจทก์ได้ชำระค่าไฟฟ้าไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2535 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29ธันวาคม 2542 ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share