คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อให้ศาลรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา คดีนี้แม้จะฟังได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายก็ตาม แต่โจทก์ต้องนำสืบให้ชัดแจ้งว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนและไม่มีใบอนุญาตให้พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะด้วย เมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดจำเลยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มีและใช้และพาติดตัวได้ตามกฎหมายทั้งมิได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะได้เลย และกรณีก็ไม่อาจฟังว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมายด้วย เพราะในชั้นพิจารณาโจทก์มิได้นำสืบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายละเอียดของอาวุธปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด และก็ไม่ปรากฏในชั้นสอบสวนว่าจำเลยให้การปฏิเสธเกี่ยวกับข้อหาอาวุธปืนดังกล่าวอย่างไรจึงไม่มีข้อเท็จจริงให้รับฟังว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้และพาติดตัวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้นไม่มีหมายเลขทะเบียน 1 กระบอกกระสุนปืนลูกซอง 1 นัด ใช้ยิงได้ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ จำเลยพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวยิงนายเชาว์หรือสุเชาว์ ประยูเด็น ผู้เสียหาย 1 นัด โดยเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกบริเวณโหนกแก้มซ้ายและใต้ตาซ้ายกระสุนฝังใน เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส จำเลยลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลเนื่องจากผู้เสียหายได้รับการรักษาบาดแผลจากแพทย์ไว้ได้ทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืน จำคุก6 เดือน ฐานพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 10 ปี 12 เดือน ริบของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เฉพาะความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น โดยโจทก์ฎีกาว่า แม้โจทก์จะไม่มีพยานมาสืบให้เห็นว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและไม่เคยได้รับอนุญาตให้พาอาวุธปืนหรือไม่ แต่ก็ย่อมฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนของผู้อื่น ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีได้ตามกฎหมายดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานพาอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยนั้น เห็นว่า ในการพิจารณาคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อให้ศาลรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา แม้คดีนี้จะฟังได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายก็ตาม แต่โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ข้อเท็จจริงชัดแจ้งว่า จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าว และไม่มีใบอนุญาตให้พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะด้วย แต่คดีนี้โจทก์หาได้นำสืบเลยว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดจำเลยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้มีและใช้ และพาติดตัวได้ตามกฎหมาย ทั้งมิได้อาวุธปืนดังกล่าวมาเป็นของกลาง จึงไม่อาจลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะได้เลยและเป็นกรณีที่ไม่อาจฟังได้ว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนของผู้อื่น ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ได้ตามกฎหมายดังฎีกาของโจทก์ เพราะในชั้นพิจารณาโจทก์มิได้นำสืบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรายละเอียดของอาวุธปืนที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดและไม่ปรากฏว่าในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธเกี่ยวกับข้อหาอาวุธปืนดังกล่าวอย่างไร ดังนั้น จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่จะให้รับฟังว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้และพาติดตัวได้ตามกฎหมายดังฎีกาของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกฟ้องสองฐานความผิดดังที่โจทก์ฎีกานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share