แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาให้ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นคนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 7 วัน และเมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลขั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์คำสั่งโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย นั้น ต้องหมายความว่าศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนอนาถา และจำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาควมแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ ถ้าไม่ชำระให้บังคับทรัพย์จำนองและทรัพย์อื่นชำระหนี้จนครบ จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้อง ถึงวันนัดจำเลยทั้งสองและทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นถือว่าผู้ร้องทั้งสองไม่มีพยานมาให้ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นคนอนาถา จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งหลังจากฟังคำสั่งแล้ว ๑๐ วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งมี จำเลยยื่นอุทธรณ์เกินกำหนด ๗ วัน นับแต่วันมีคำสั่ง ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งว่า จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ภายในกำหนด ๑ เดือน
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์คำสั่งโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาควมแพ่ง มาตรา ๑๕๖ วรรคสุดท้าย นั้น ต้องหมายความว่าศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ถือว่าจำเลยไม่มีพยานสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนอนาถา และจำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน ๗ วัน ซึ่งในกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๖ คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง