แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เอาประกันภัยมีสิทธิฟ้องผู้รับประกันภัยให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก แม้ผู้เอาประกันภัยจะยังมิได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนจำนวน ๒๘๗,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะผู้ที่ได้รับความเสียหายจากรถยนต์กระบะที่จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนไว้คือนายมนู วงษ์จันทร์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังที่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งโจทก์ขับรถในขณะเมาสุราและไม่มี ใบอนุญาตขับรถ ซึ่งผิดเงื่อนไขความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นายมนูครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ในวันเดียวกันกับที่จำเลยยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า สิทธิตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนเป็นของบุคคลภายนอก ผู้ต้องเสียหายเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์ได้เอารถยนต์คันเกิดเหตุตามฟ้องประกันภัยค้ำจุนไว้ ต่อจำเลย ในระหว่างอายุสัญญาประกันภัยดังกล่าว โจทก์ได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุชนราวสะพานกรุงธนบุรี และพุ่งตกลงบนหลังคาบ้านของนายมนู วงษ์จันทร์ ทำให้บ้านหลังดังกล่าวได้รับความเสียหาย โจทก์ยังไม่ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายมนู ปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีเพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระ ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องประกันภัย ซึ่งโจทก์ฟ้องเรียกค่าสินไหม ทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยในกรณีที่โจทก์ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดตามกฎหมายเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ที่ประกันภัยไว้ ความรับผิดของโจทก์ที่มีต่อนายมนู วงษ์จันทร์ ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่รถของโจทก์เสียหลักพุ่งตกลงบนหลังคาบ้านของนายมนู ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารท้ายฟ้อง ในหมวดที่ ๒ ส่วนที่ ๒ การคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อ ๒.๓ ระบุว่า “บริษัทจะใช้ค่า สินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย
” ดังนี้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในนามของโจทก์จากจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๗ แม้โจทก์จะยังมิได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายมนูก็ตาม เพราะกรณีเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องรับช่วงสิทธิดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระ ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ได้ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกานั้นไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง เมื่อคดีรับฟังได้ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่ยังมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า นายมนูได้รับความเสียหายเพียงใด จำเลยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายมนูครบถ้วนแล้วหรือไม่ และโจทก์ขับรถในขณะเมาสุราและไม่มี ใบอนุญาตขับรถอันเป็นการผิดเงื่อนไขความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการสืบพยานกันต่อไป จึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่