แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามคำฟ้องของโจทก์ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดของ จ. ให้กับโจทก์ โดยอ้างว่าทรัพย์สินทั้งนั้นเป็นสินเดิมของ จ. ตกเป็นมรดก โจทก์เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของ จ. ผู้สาบสูญตามคำสั่งศาล จะได้จัดแบ่งให้กับทายาทของ จ. ต่อไปแม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นบุตรของ จ. ซึ่งมีฐานะเป็นทายาทของ จ. ด้วย และทรัพย์สินของ จ. ตกเป็นมรดกแต่โจทก์มิได้แสดงโดยแจ้งชัดในคำฟ้องว่า โจทก์ขอให้แบ่งมรดกให้โจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นทายาท และมิได้มีคำขอบังคับท้ายฟ้องเช่นนั้น ดังนั้น ศาลจะพิพากษาให้แบ่งทรัพย์สินของ จ. เป็นกรณีมรดกไม่ได้ เป็นการเกินคำขอ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142วรรคแรก และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตาม (2) เพราะโจทก์มิได้ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกเป็นของตนทั้งหมด ซึ่งศาลอาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่เพียงบางส่วนได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1360/2517ประชุมใหญ่)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรของ จ. และเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของ จ. ผู้สาบสูญตามคำสั่งศาล จำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินซึ่งเป็นสินเดิมของ จ. และตกเป็นมรดก ขอให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดแก่โจทก์ เพื่อแบ่งปันแก่ทายาทต่อไป
จำเลยให้การว่า ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของจำเลย ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกมรดกมาเพื่อแบ่งปันแก่ทายาทคงมีอำนาจฟ้องขอแบ่งมรดกในฐานะทายาทเท่านั้น ทรัพย์ตามฟ้องบางส่วนเป็นมรดกของ จ. คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยแบ่งทรัพย์สินให้แก่โจทก์ตามส่วน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดของ จ. ให้กับโจทก์โดยอ้างว่า ทรัพย์สินทั้งนั้นเป็นสินเดิมของ จ. ตกเป็นมรดก โจทก์เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของ จ. ผู้สาบสูญตามคำสั่งศาลจักได้จัดแบ่งให้กับทายาทของ จ. ต่อไป แม้โจทก์จะอ้างว่าโจทก์เป็นบุตรของ จ. ซึ่งมีฐานะเป็นทายาทของ จ. ด้วย และทรัพย์สินของ จ. ตกเป็นมรดก แต่โจทก์ก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดในคำฟ้องว่า โจทก์ขอให้แบ่งมรดกให้โจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นทายาท และมิได้มีคำขอบังคับท้ายฟ้องเช่นนั้น ดังนั้น ศาลจะพิพากษาให้แบ่งทรัพย์สินของ จ. เป็นกรณีมรดกไม่ได้ เป็นการเกินคำขอ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคแรก เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1360/2517 และกรณีไม่เข้า (2) ของบทมาตราดังกล่าว เพราะโจทก์มิได้ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกเป็นของตนทั้งหมด ซึ่งศาลอาจพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่เพียงบางส่วนได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น