แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์และบริวารเดินผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1อย่างปรปักษ์ นานเกินกว่า 10 ปี แม้ที่ดินของโจทก์ด้านหนึ่งจะติดกับทางสาธารณะอยู่แล้วก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องที่โจทก์จะได้สิทธิในทางภารจำยอมผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 โดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401ประกอบด้วยมาตรา 1382 ศาลล่างพิพากษากำหนดแนวของทางภารจำยอมผิดพลาดโดยกำหนดแนวของทางอยู่นอกเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเลยล้ำเข้าไปเขตที่ดินข้างเคียง ทั้งที่ได้วินิจฉัยในคำพิพากษาแล้วว่าทางอยู่ในที่ดินของจำเลยที่ 1 และมีความกว้าง 2 ศอก กรณีถือได้ว่าเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยมีผลทำให้คำวินิจฉัยและคำพิพากษาขัดกัน ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โจทก์และบริวารใช้ทางเดินและรถยนต์เข้าออกผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 และที่ 2ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินของโจทก์ โดยสงบ เปิดเผยและด้วยเจตนาให้เป็นทางภารจำยอมมาเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 30 ปีตามแผนที่ทางเดินท้ายคำฟ้อง ต่อมาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2537จำเลยทั้งสองล้อมรั้วลวดหนามปิดกั้นทางเดินของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาว่าทางเดินกว้าง 6 ศอก ยาว 1 เส้น ของที่ดินของจำเลยที่ 2ที่มีเขตติดต่อกับโจทก์เป็นทางภารจำยอม ให้จำเลยที่ 2 รื้อถอนรั้วลวดหนามด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยที่ 1 และทางเดินกว้าง 6 ศอกยาว 1 เส้น ของที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่มีเขตติดต่อกับโจทก์เป็นทางภารจำยอม และทางเดินด้านทิศใต้ของที่ดินของจำเลยที่ 1ซึ่งมีเขตติดต่อกับนายคงศักดิ์กว้าง 4 ศอก ยาว 5 เส้น เป็นทางภารจำยอมให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนรั้วลวดหนามด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยที่ 1 ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับทางภารจำยอมนี้ หากจำเลยทั้งสองเพิกเฉยให้โจทก์เป็นฝ่ายรื้อถอนรั้วลวดหนามด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่เคยเดินผ่านหรือใช้รถยนต์ผ่านที่ดินของจำเลยทั้งสอง เนื่องจากด้านทิศตะวันตกของที่ดินของโจทก์ติดถนนสาธารณะ ซึ่งโจทก์และบริวารได้ใช้ทางด้านนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว หากจะฟังว่ามีทางผ่านโจทก์ก็ใช้สิทธิยังไม่ครบ 10 ปี และทางไม่กว้างเท่ากับที่โจทก์ฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางเดินทางด้านทิศใต้ของจำเลยที่ 1ซึ่งมีเขตติดต่อกับที่ดินของนายคงศักดิ์ กว้าง 2 ศอก ยาว 5 เส้นตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.1 ตามจุด พ.2 พ.3 พ.4 พ.9 ตกเป็นภารจำยอมแก่โจทก์กว้าง 2 ศอก ยาว 214.70 เมตร(แต่ไม่เกิน 5 เส้น) คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่ามีทางภารจำยอมผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 เพื่อประโยชน์แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่าพยานโจทก์มีน้ำหนักหลักฐาน เชื่อได้ว่าโจทก์และบริวารเดินผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 อย่างปรปักษ์นานเกินกว่า10 ปี แม้ที่ดินของโจทก์ด้านทิศตะวันตกจะติดกับทางสาธารณะก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องที่จะรับฟังว่า โจทก์ได้สิทธิในทางภารจำยอมผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 โดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 ประกอบด้วยมาตรา 1382 แต่ปรากฏว่าศาลล่างกำหนดแนวของทางผิดพลาดโดยกำหนดแนวของทางอยู่นอกเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเลยล้ำเข้าไปในเขตที่ดินข้างเคียง ทั้งที่ได้วินิจฉัยในคำพิพากษาแล้วว่าทางอยู่ในที่ดินของจำเลยที่ 1 และมีความกว้าง 2 ศอก กรณีถือได้ว่าเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย มีผลทำให้คำวินิจฉัยและคำพิพากษาขัดกัน ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143
พิพากษาแก้เป็นว่า ทางเดินในที่ดินของจำเลยที่ 1 ทางด้านทิศใต้ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.1 วัดจากแนวรั้วลวดหนามหรือจุด พ.2 ถึง พ.9 อันเป็นแนวเขตทางด้านทิศใต้เข้าไปในที่ดินของจำเลยที่ 1 มีความกว้าง 2 ศอก หรือ 1 เมตร ยาวตลอดแนวที่ดินของจำเลยที่ 1 ตกเป็นทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 เปิดรั้วลวดหนามตรงหัวท้ายของทางเพื่อให้โจทก์ผ่านเข้าออกมีความกว้างเท่ากับขนาดของทางเดินนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3