คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มอบรถดั๊มพ์เป็นมัดจำในการที่ซื้อรถเบ๊นซ์จากจำเลย ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนรถดั๊มพ์แก่โจทก์เพราะจำเลยโอนรถเบ๊นซ์แก่โจทก์ไม่ได้ โจทก์นำยึดรถดั๊มพ์จากจำเลยผู้ร้องเช่าซื้อรถดั๊มพ์จากจำเลยไปแล้วแต่เพิ่งชำระเงินตามเช็คที่ออกล่วงหน้าแก่ผู้รับซื้อเช็คจากจำเลยเมื่อโจทก์ยึดทรัพย์แล้ว โจทก์ติดตามเอารถดั๊มพ์ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์คืนได้

ย่อยาว

รถดั๊มพ์คันพิพาทโจทก์มอบเป็นมัดจำในการที่โจทก์ซื้อรถเบ๊นซ์จากจำเลยจำเลยเอารถดั๊มพ์ให้ผู้ร้องเช่าซื้อ ก่อนชำระราคาครบถ้วนเจ้าของรถเบ๊นซ์เอารถคืนไปจากโจทก์ จำเลยโอนรถเบ๊นซ์แก่โจทก์ไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องและศาลพิพากษาให้จำเลยคืนรถดั๊มพ์แก่โจทก์ โจทก์นำยึดรถดั๊มพ์คืน ผู้ร้องร้องขอให้ถอนการยึดหลังจากรถถูกยึดคืนแล้ว ผู้ร้องจึงชำระเงินค่าเช่าซื้อตามเช็คแก่ผู้รับโอนเช็คครบถ้วน ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาวินิจฉัยมีว่า ผู้ร้องมีอำนาจร้องขอให้ปล่อยรถคันพิพาทหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ารถคันพิพาทโจทก์มอบให้จำเลยไว้เป็นมัดจำในการที่โจทก์ซื้อรถเบ๊นซ์จากจำเลย ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้โดยเจ้าของรถยนต์เบ๊นซ์ที่แท้จริงมาเอารถคืนไป จำเลยจึงไม่สามารถโอนขายรถดังกล่าวแก่โจทก์ได้ตามสัญญา เป็นการที่จำเลยไม่ชำระหนี้ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องส่งคืนรถพิพาทแก่โจทก์ และปรากฏว่าหลังจากจำเลยรับรถดั๊มพ์เป็นมัดจำได้เพียงเดือนเศษ จำเลยก็นำเอารถคันดังกล่าวไปให้ผู้ร้องเช่าซื้อ ซึ่งโจทก์เจ้าของรถคันพิพาทมีสิทธิติดตามและเอาคืนได้และแม้ข้อที่ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างว่าได้ชำระค่าเช่าซื้อแก่จำเลยครบถ้วนแล้วนั้นก็เป็นเวลาหลังจากที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถพิพาทแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องขอต่อศาลให้ปล่อยรถคันพิพาท

ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่า กรณีระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนรถกัน รถคันพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้ว จำเลยชอบที่จะนำไปทำสัญญาให้ผู้ร้องเช่าซื้อได้ก็ดี ผู้ร้องซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยในท้องตลาดโดยสุจริต ชำระราคาครบถ้วนแล้วก็ดี ล้วนเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”

พิพากษายืน

Share