แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กำหนดอายุความมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 ที่บัญญัติห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดก เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เจ้ามรดกตาย หรือนับแต่ทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรรู้ถึงความตายของเจ้ามรดก แต่ห้ามมิให้ฟ้องร้องเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่เมื่อเจ้ามรดกตายนั้น ใช้บังคับสำหรับกรณีที่ทายาทฟ้องเรียกร้องทรัพย์มรดกจากทายาทที่ครอบครองทรัพย์มรดกซึ่งยังมิได้แบ่งปันกัน คดีนี้โจทก์ฟ้องว่ามีการแบ่งปันมรดกกันแล้ว โจทก์ให้จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนของโจทก์แทน และฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลย จึงเป็นการเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ผู้ใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของตนคืนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ มิใช่กรณีทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกด้วยกันพิพาทกันด้วยเรื่องสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งทรัพย์มรดกอันจะอยู่ภายใต้บังคับอายุความมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 ดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยเกินสิบปี นับแต่บิดาโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 23962 ตำบลหนองเรือ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู เนื้อที่ 7 ไร่ แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 23962 ตำบลหนองเรือ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า โจทก์ จำเลย นางไหม หรือนางสมัย และนางทุ่ง รวม 4 คน เป็นบุตรนายสัง กับนางพา เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2528 นายสังถึงแก่ความตาย มีมรดกเป็นที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2015 ตำบลหนองเรือ อำเภอโนนสัง จังหวัดอุดรธานีเนื้อที่ 37 ไร่ ต่อมาปี 2529 โจทก์ จำเลยและพี่น้องทุกคนตกลงให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกและตกลงแบ่งปันที่ดินดังกล่าวออกเป็น 4 ส่วน โดยแบ่งให้นางทุ่ง 10 ไร่ 1 งาน 60 ตารางวา ให้นางไหม 10 ไร่ 5 ตารางวา ที่ดินส่วนที่เหลือเนื้อที่ 16 ไร่ 2 งาน 35 ตารางวา มีชื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครอง ตามสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ต่อมาปี 2541 ทางราชการออกโฉนดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 6569 ตำบลหนองเรือ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู เนื้อที่ 16 ไร่ 2 งาน 35 ตารางวา โดยมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ตามสำเนาโฉนดที่ดิน หลังจากนั้นเดือนมีนาคม 2550 จำเลยขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินดังกล่าว ปรากฏว่าที่ดินมีเนื้อที่ 20 ไร่ 2 งาน 68 ตารางวา จำเลยได้ทำบันทึกขอแบ่งแยกที่ดินด้านทิศตะวันตก 7 ไร่ เป็นที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 23962 ตำบลหนองเรือ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู เนื้อที่ 7 ไร่ ตามสำเนาโฉนดที่ดิน โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย
ปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า กำหนดอายุความมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ที่บัญญัติห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดก เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เจ้ามรดกตาย หรือนับแต่ทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรรู้ถึงความตายของเจ้ามรดก แต่ห้ามมิให้ฟ้องร้องเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่เมื่อเจ้ามรดกตายนั้น ใช้บังคับสำหรับกรณีที่ทายาทฟ้องเรียกร้องทรัพย์มรดกจากทายาทที่ครอบครองทรัพย์มรดกซึ่งยังมิได้แบ่งปันกัน คดีนี้โจทก์ฟ้องว่ามีการแบ่งปันมรดกกันแล้ว โจทก์ให้จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนของโจทก์แทน และฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลย จึงเป็นการเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ผู้ใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของตนคืนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ มิใช่กรณีทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกด้วยกันพิพาทกันด้วยเรื่องสิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งทรัพย์มรดกอันจะอยู่ภายใต้บังคับอายุความมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยเกินสิบปี นับแต่บิดาโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้ามรดกถึงแก่ความตาย คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ