คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6323/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกเป็นเรื่องที่ผู้ร้องในฐานะผู้มีส่วนได้เสียมีอำนาจกระทำเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก มิใช่เรื่องการจัดการทรัพย์สิน การฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใดอันเกี่ยวกับทรัพย์ของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย จึงไม่เป็นการกระทำของคนล้มละลายที่ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 22, 24 และ 25 ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ตั้งบุคคลอื่นเป็นผู้จัดการมรดกได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันกับนางยุพิน เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2542 นางยุพินถึงแก่ความตายโดยมิได้ทำพินัยกรรมและมิได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้อง ขอให้ตั้งนางสาวฐิติพรบุตรของผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านและแก้ไขคำคัดค้านขอให้ศาลตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางสาวฐิติพรและนายช้วนผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของนางยุพิน ผู้วายชนม์ร่วมกัน กับให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ร้องและผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องและผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่า ผู้ร้องเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันกับผู้ตาย ผู้ตายถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2542 โดยมิได้ทำพินัยกรรมและมิได้ตั้งผู้จัดการมรดกไว้ ผู้คัดค้านเป็นสามีของผู้ตายอยู่ด้วยกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสและไม่มีบุตรที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ และมีที่ดิน 2 แปลง ที่มีชื่อผู้ตายถือกรรมสิทธิ์และอีก 1 แปลง มีชื่อผู้ตายและผู้คัดค้านถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า สมควรตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้คัดค้านเป็นสามีที่มิชอบด้วยกฎหมาย มิใช่ทายาทของผู้ตาย ผู้คัดค้านเป็นเพียงเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้ตายในที่ดิน 3 แปลง เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 วรรคหนึ่ง คำว่า ผู้มีส่วนได้เสีย หาจำต้องเป็นทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมโดยตรงทุกกรณีไม่ การที่ผู้คัดค้านอยู่กินเป็นสามีของผู้ตายโดยมิได้จดทะเบียนสมรสและถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้ตายในที่ดิน 3 แปลง จึงมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในที่ดินดังกล่าวร่วมกับผู้ตาย ถือได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสีย ส่วนผู้ร้องฎีกาว่า ผู้คัดค้านมีอายุมากถึง 90 ปี เป็นเรื่องไม่สมควรที่จะเป็นผู้จัดการมรดก เห็นว่า ถึงแม้ผู้คัดค้านจะอายุมากถึง 90 ปี แต่ตามพฤติการณ์ที่ผู้คัดค้านมายื่นคำคัดค้านและมาเบิกความต่อศาลได้ โดยปรากฏว่าผู้คัดค้านมีสติสัมปชัญญะดี มีความรู้สึกผิดชอบและมีความสามารถที่จะดำเนินการทำนิติกรรมใด ๆ ได้ เมื่อผู้คัดค้านไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดก ดังนั้น ผู้คัดค้านย่อมเป็นผู้จัดการมรดกได้และที่ผู้ร้องฎีกาข้อสุดท้ายว่า ผู้คัดค้านมีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ร้องหากเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับนางสาวฐิติพรแล้วจะทำให้การจัดการมรดกรายนี้เป็นปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด เห็นว่า การจัดการมรดกมีหลักเกณฑ์ตามกฎหมายกำหนดไว้แล้วว่าหากมีปัญหาจะต้องจัดการอย่างใด ฎีกาของผู้ร้องทุกข้อฟังไม่ขึ้น
ส่วนปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นคนล้มละลายจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกนางสาวฐิติพรไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย จึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะเป็นผู้จัดการมรดก เห็นว่า การยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกเป็นเรื่องที่ผู้ร้องในฐานะผู้มีส่วนได้เสียมีอำนาจกระทำเพื่อประโยชน์แก่กองมรดก มิใช่เรื่องการจัดการทรัพย์สิน การฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย จึงไม่เป็นการกระทำของคนล้มละลายที่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22, 24 และ 25 และการที่นางสาวฐิติพรจะเป็นผู้จัดการมรดกก็ไม่จำต้องเป็นทายาทหรือมีสิทธิรับมรดก เพียงแต่มีคุณสมบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 เท่านั้น คือ เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนล้มละลาย และที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้ร้องและนางสาวฐิติพรปกปิดทรัพย์มรดกนั้นเห็นว่า ผู้ร้องระบุในคำร้องขอว่าผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือที่ดินโฉนดเลขที่ 53238 เลขที่ดิน 3061 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี นอกจากนี้ยังมีที่ดินและเงินฝากในบัญชีธนาคารอีกหลายรายการยังฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องปิดบังทรัพย์มรดกอันจะถูกกำจัดมิให้ได้มรดก และที่ผู้คัดค้านฎีกาอีกว่าผู้ร้องและนางสาวฐิติพรปกปิดจำนวนทายาทไม่ใส่รายชื่อทายาทซึ่งมีทั้งหมด 9 คน ลงในบัญชีเครือญาติคงใส่เพียง 2 คน เท่านั้น ก็มิใช่กรณีปิดบังทรัพย์มรดกเพื่อฉ้อฉลทายาทอื่นแต่อย่างใด เหตุดังกล่าวไม่เป็นเหตุอันจะถูกกำจัดมิให้ได้มรดก อันจะทำให้ขาดคุณสมบัติในการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ฎีกาของผู้คัดค้านทุกข้อฟังไม่ขึ้นเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นให้นางสาวฐิติพรและนายช้วนผู้คัดค้าน ร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดกของนางยุพินผู้ตาย นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share