แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใช้ให้ผู้อื่นไปเบิกความเท็จ เมื่อเขาไปเบิกความเท็จแล้วต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จด้วย
ย่อยาว
คดีได้ความว่าจำเลยที่ ๓ ได้เสี้ยมสอนให้จำเลยที่ ๑-๒ ให้กลับคำให้การของจำเลยที่ ๑-๒ในชั้นอำเภอสอบสวนในเมื่อมาให้การเป็นพะยานที่ศาล จำเลยที่ ๑-๒ ได้มาเบิกความในชั้นศาลตามคำเสี้ยมสอนของจำเลยอันเป็นความเท็จจนเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องปล่อยตัวผู้ต้องหาในคดีเรื่องที่จำเลยที่ ๑-๒ เป็นพะยานนั้นไป โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๓ คน
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑-๒ ตามมาตรา ๑๕๖-๖๔ ลงโทษจำเลยที่ ๓ ตามม.๑๗๔-๑๕๖-๖๔
ในคดีที่จำเลยที่ ๓ ผู้เดียวอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษานายหนึ่งแย้งว่าในเรื่องความผิดฐานเบิกความเท็จ กฎหมายบัญญัติห้ามฉะเพาะผู้ที่สาบาลหรือปฏิญาณตัวมิให้เบิกความเท็จเป็นการห้ามฉะเพาะผู้เป็นพะยานมาเบิกความในศาลเท่านั้น จำเลยที่ ๓ ยังไม่ควรมีผิด
ศาลฎีกาตัดสินว่า ม.๑๗๔ ได้ระบุลักษณความผิดไว้โดยถือกำหนดโทษเป็นเกณฑ์ คือความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า ๑ ปีมาตรานี้มิได้ยกเอาลักษณแห่งฐานความผิดเป็นข้อสำคัญประการใดเลยและไม่มีบทมาตราใดห้ามมิให้นำมาตรา ๑๗+ มาใช้ในเรื่องเบิกความเท็จ จึงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ให้ยกฎีกาโจทก์เสีย