แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลฎีกาพิพากษาว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้วให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นจำนวน 2,000 หุ้น ที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว โดยนำเงินมาวางไว้ต่อศาลแล้วโจทก์ต้องนำใบหุ้นจำนวนดังกล่าวมาวางต่อศาลเสียก่อนจึงจะมีสิทธิรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางไว้ไปจากศาลได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันหักกับหนี้ของจำเลยที่ 2ในคดีล้มละลายแล้วนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากโจทก์มีข้ออ้างที่จะไม่ต้องชำระหนี้แก่จำเลยทั้งสองอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันเป็นคดีใหม่ต่างหาก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 485,116.18บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปีของต้นเงิน388,995.85 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเงินให้โจทก์ครบถ้วน เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้วให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน2,000 หุ้น ที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย จำเลยที่ 1ได้นำเงินตามจำนวนที่ต้องรับผิดตามคำพิพากษาศาลฎีกามาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้โจทก์รับไป และขอให้โจทก์นำใบหุ้นของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด มาวางต่อศาลเพื่อให้จำเลยทั้งสองรับไปด้วยโจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 9 สิงหาคม 2531 ต่อศาลชั้นต้น ขอรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางไว้ไปจากศาล ส่วนใบหุ้นของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน 2,000 หุ้น ที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับไปจากโจทก์นั้น โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันได้ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันเป็นเงิน 250,000 บาท นำไปหักกับจำนวนหนี้ที่โจทก์ไปยื่นขอรับชำระหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ในคดีล้มละลายที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลล้มละลายตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.103/2527 ของศาลชั้นต้นแล้ว หุ้นดังกล่าวจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงไม่จำต้องโอนให้จำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้โจทก์โอนหุ้นแก่จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาก่อน จึงรับเงินไปได้เต็มจำนวนตามคำพิพากษาโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าโจทก์ต้องนำใบหุ้นของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน 2,000 หุ้นที่จำเลยทั้งสองได้สั่งให้โจทก์ซื้อไว้มาวางต่อศาลเสียก่อนแล้วจึงจะรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางศาลไว้เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้ว ให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน2,000 หุ้น ที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวโดยนำเงินมาวางไว้ต่อศาลแล้ว โจทก์ต้องนำใบหุ้นจำนวนดังกล่าวมาวางต่อศาลเสียก่อนจึงจะมีสิทธิรับเงินที่จำเลยที่ 1นำมาวางไว้ไปจากศาลได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันหักกับหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีล้มละลายแล้วนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากโจทก์มีข้ออ้างที่จะไม่ต้องชำระหนี้แก่จำเลยทั้งสองอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันเป็นคดีใหม่ต่างหาก ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน