คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5841/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยยิงผู้ตาย แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่กับผู้ตาย เมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยได้หลบหนีไปและโจทก์มี ท.ณ. และ อ. เป็นพยานเบิกความว่า หลังเกิดเหตุได้ทราบว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตาย แม้จะเป็นเพียงพยานบอกเล่า แต่ก็เป็นเรื่องที่พยานได้ทราบมาโดยกระชั้นชิดหลังจากเกิดเหตุโดยเฉพาะ ท. ได้รับบอกกล่าวจากผู้ตายก่อนตายยืนยันว่าจำเลยยิงผู้ตาย ย่อมรับฟังเป็นพยานประกอบได้ ทั้งตามบันทึกคำให้การสอบสวนของ บ. และ ก. ก็ให้การว่าจำเลยใช้ให้ผู้ตายไปช่วยผู้อื่นปลูกบ้าน ผู้ตายไม่ยอมไปจำเลยโกรธจึงยิงผู้ตายพฤติการณ์แห่งคดีและพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวมีน้ำหนักและเหตุผลรับฟังลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และริบหัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ให้ริบหัวกระสุนปืนของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุก ๒๐ ปี ของกลางให้ริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า วันเวลาเกิดเหตุ ขณะที่ผู้ตายกับจำเลยอยู่ด้วยกันมีเสียงปืนดังขึ้น กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยได้หนีไปจากที่เกิดเหตุ ต่อมาจึงเข้ามอบตัวต่อสู้คดี คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องโดยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยยิงผู้ตาย แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยอยู่กับผู้ตาย เมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยได้หลบหนีไปและพยานโจทก์มีนางทอง ประสพผล ภริยาผู้ตายเบิกความว่าหลังจากมีเสียงปืนดังทางบ้านนางบุญมา มีนางกองมาบอกนางทองว่าผู้ตายถูกยิงแล้วนางทองวิ่งไปที่บ้านนางบุญมา แต่ไม่พบผู้ตาย นางบุญมาได้เล่าให้นางทองฟังว่าจำเลยได้สั่งให้ผู้ตายไปช่วยปลูกบ้านให้นายตีบ แต่ผู้ตายไม่ยอมไปเพราะนายตีบไม่ได้ขอร้องจำเลยโกรธใช้ปืนยิงแล้ววิ่งหลบหนีไป เมื่อนางทองตามไปพบผู้ตายที่บ้านนายคูณ ผู้ตายบอกนางทองว่าถูกจำเลยยิง นายณรงค์ศักดิ์ สุขจิตร กำนันตำบลโคกสะอาดท้องที่เกิดเหตุก็ยืนยันว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ ๘ นาฬิกา นายเซ็งพ่อตาผู้ตายไปแจ้งว่าผู้ตายถูกจำเลยใช้ปืนยิง และพันตำรวจโทโอภาส ทองยา พนักงานสอบสวนเบิกความว่าในวันเกิดเหตุร้อยตำรวจโทจิระชัย เย็นทรวง ซึ่งกลับจากที่เกิดเหตุได้รายงานว่าตามทางสืบสวนได้ความว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย นางบุญมาภริยาผู้ตาย (ที่ถูกน่าจะเป็นนางบุญมา ทรัพย์มาก) นางกองและนายแกด ศาลางาม ได้ให้การชั้นสอบสวนว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย คำเบิกความของนางทอง นายณรงค์ศักดิ์ และพันตำรวจโทโอภาสที่ว่าจำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้ตาย แม้จะเป็นเพียงพยานบอกเล่า แต่ก็เป็นเรื่องที่พยานได้ทราบมาโดยกระชั้นชิดหลังจากเกิดเหตุนั้นเอง ย่อมรับฟังเป็นพยานประกอบได้โดยเฉพาะนางทองพยานนั้นได้รับบอกกล่าวจากผู้ตายก่อนตาย ยืนยันว่าจำเลยยิงผู้ตาย ทั้งตามบันทึกคำให้การของนางบุญมา ทรัพย์มาและนายแกด ศาลางาม ที่โจทก์อ้างเป็นพยานตามเอกสารหมาย จ.๑๘, จ.๑๖ นางบุญมาและนายแกดได้ให้การเป็นพยานในชั้นสอบสวนว่า จำเลยใช้ให้ผู้ตายไปช่วยนายตีบปลูกบ้าน ผู้ตายไม่ยอมไปจำเลยโกรธ ใช้ปืนยิงผู้ตายแล้วหลบหนี ตามพฤติการณ์แห่งคดีพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมีน้ำหนักและเหตุผลรับฟังได้ว่า จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ที่จำเลยนำสืบว่าผู้ตายใช้ปืนจี้จำเลย จำเลยใช้แขนโอบตัวผู้ตายแล้วมีเสียงปืนลั่นขึ้น ผู้ตายถูกปืนลั่นนั้นไม่มีน้ำหนักและเหตุผลให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share