แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยซึ่งผู้ตายยกให้แต่กลับนำสืบว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณะ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานนอกข้อต่อสู้ในคำให้การและนอกประเด็นพิพาทที่ศาลกำหนดไว้ ไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบ ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาและเป็นผู้จัดการมรดกของนายพุฒหมวกเพ็ชร์ ผู้ตาย จำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายขัดขวางการจัดการมรดกและเข้าครอบครองที่ดิน ส.ค.๑ และบ้านพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดก ขอให้บังคับจำเลยมิให้ขัดขวางการจัดการแบ่งทรัพย์มรดก และให้จำเลยออกจากที่ดินและบ้านพิพาท
จำเลยให้การว่า ผู้ตายยกที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่จำเลยก่อนตายจำเลยครอบครองมาโดยตลอด โจทก์ไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยออกไปจากบ้านและที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยขัดขวางโจทก์ในการจัดการแบ่งปันทรัพย์ดังกล่าว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ตายซึ่งมิได้ยกให้แก่จำเลย จึงเป็นมรดกของผู้ตาย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าที่จำเลยฎีกาว่าที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นที่สาธารณะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง นั้น เห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยซึ่งได้มาโดยผู้ตายยกให้ แต่จำเลยกลับนำสืบว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณะ เช่นนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าที่ดินพิพาทจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่นั้น จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากพยานนอกข้อต่อสู้ในคำให้การและนอกประเด็นพิพาทที่ศาลกำหนดไว้ไม่เกี่ยวกับที่คู่ความจะต้องนำสืบ ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒(๕) ไม่ได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗
พิพากษายืน.