แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499 มาตรา 3 ล้างมลทินให้แต่เฉพาะผู้ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษที่ได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือวันที่กฎหมายนี้ใช้บังคับ คือ วันที่ 13 พฤษภาคม 2500เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันดังกล่าว จำเลยยังรับโทษกักกันอยู่ในคดีก่อนจำเลยจึงไม่ได้รับการล้างมลทิน และเมื่อจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ภายในระยะ 10 ปี นับแต่วันที่จำเลยพ้นจากการกักกันในคดีก่อนศาลย่อมพิพากษาให้กักกันจำเลยอีกได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์ (ล้วงกระเป๋า) ผู้เสียหายก่อนคดีนี้จำเลยทั้งสองเคยต้องคำพิพากษาถึงจำคุกมาแล้ว และมากระทำผิดอีกภายใน 5 ปี นับจากวันพ้นโทษจำเลยที่ 1 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้กักกันมาแล้วพ้นจากการกักกัน แล้วภายใน 10 ปี มาทำผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยทั้งสองกับกักกันจำเลยที่ 1 ด้วย
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ แต่โต้แย้งข้อที่โจทก์ขอให้กักกันจำเลยที่ 2 ปฏิเสธฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี เพิ่มโทษคนละ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุกคนละ 4 ปี จำเลยที่ 1 รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี เมื่อจำเลยที่ 1 รับโทษตามกำหนดแล้ว ให้ส่งตัวไปกักกันไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41 มีกำหนด 3 ปี
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์เฉพาะเรื่องกักกัน จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 แต่คงให้ลงโทษและกักกันจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกาไม่ให้กักกัน อ้างว่าได้รับการล้างมลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ด้วย
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 พ้นจากการกักกันในคดีก่อน ในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2502 ภายหลังจากวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499 ใช้บังคับ จึงวินิจฉัยว่าผู้ที่จะได้รับล้างมลทินตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499 นั้น จะต้องเป็นผู้ที่พ้นโทษไปก่อนหรือในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับหรือได้พ้นโทษไปโดยผลแห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ เมื่อจำเลยที่ 1 พ้นจากการกักกันในคดีก่อนในวันที่ 13 มกราคม 2502 จำเลยที่ 1 จึงยังถูกกักกันอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ และโทษกักกันก็มิได้อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาให้พ้นโทษไปโดยผลแห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการพระราชทานอภัยโทษเนื่องในโอกาสครบ 25 พุทธศตวรรษ จำเลยที่ 1 จึงมิได้รับประโยชน์จากมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัตินี้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น