แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่าสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องนั้นไม่ชอบเพราะลงนามโดยผู้ไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หยิบยกขอเท็จจริงที่ว่าว.และป. ผู้ลงนามในสัญญาตามฟ้องไม่ใช่กรรมการของโจทก์และโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ทำสัญญาดังกล่าวแทนสัญญานั้นจึงไม่ผูกพันคู่กรณีขึ้นวินิจฉัยจึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่จำเลยได้เถียงทั้งประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จะมิได้มีการชี้สองสถานกำหนดประเด็นไว้ศาลก็อาจยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญารับจ้างขนสินค้าด้วยเรือลำเลียงกับโจทก์จากโรงเก็บสินค้าของผู้ขายเพื่อลำเลียงไปลงเรือเดินสมุทรที่โจทก์เช่ามาโจทก์มีคำสั่งให้จำเลยลำเลียงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจำนวน 82,450 บาท เมตริกตัน แต่จำเลยลำเลียงได้เพียง 43,945.72 เมตริกตัน ขาดไป 38,504.28 บาทเมตริกตัน โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา การที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาทำให้โจทก์เสียหาย 8,163,684.83 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์และจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน สัญญารับจ้างขนส่งสินค้าตามฟ้องทำขึ้นโดยผู้ไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ และโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และขาดอายุความแล้ว จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาและไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ความเสียหายเกิดจากการกระทำของโจทก์และบริษัทอัลเฟรด ซี ทัฟเฟอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(กรุงเทพ) จำกัด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่าที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยนั้นชอบหรือไม่ พิเคราะห์แล้วโจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยทำสัญญาจ้างขนสินค้าด้วยเรือลำเลียงระหว่างกันเมื่อวันที่ 18กุมภาพันธ์ 2526 ตามสัญญาจำเลยตกลงรับจ้างขนสินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง โดยใช้เรือลำเลียงบรรทุกจากโรงเก็บสินค้าของเจ้าของสินค้านำไปลงเรือเดินสมุทรที่โจทก์เช่ามา ต่อมาจำเลยผิดสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายจากการผิดสัญญาดังกล่าว จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ที่จะบังคับต่อกันได้ตามกฎหมาย กล่าวคือสัญญารับจ้างขนสินค้าตามฟ้องเป็นสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำขึ้นโดยผู้ไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ โจทก์จะมาใช้สิทธิตามสัญญาฟ้องบังคับจำเลยเป็นคดีนี้ไม่ได้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเห็นว่า จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่า สัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องนั้นไม่ชอบ เพราะลงนามโดยผู้ไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์หยิบยกข้อเท็จจริงที่ว่านายวอล์ฟ กัง เฮล์มส์ และนายเปเตอร์ เวสท์ฟาลผู้ลงนามในสัญญาตามฟ้อง ไม่ใช่กรรมการของโจทก์ และโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้ทำสัญญาดังกล่าวแทน สัญญานั้นจึงไม่ผูกพันคู่กรณีขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่จำเลยโต้เถียง ทั้งประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จะมิได้มีการชี้สองสถานกำหนดประเด็นไว้ ศาลก็อาจยกขึ้นวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีไปได้ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าสัญญาพิพาทไม่ผูกพันคู่กรณี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน