คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงินตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ร้อง สิทธิของผู้ร้องมีอยู่ในบริษัทของจำเลยที่ 1 เพียงใดก็คงมีอยู่อย่างนั้น ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) อีกทั้งผู้ร้องก็ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ซึ่งถือว่าเป็นคู่ความในคดีอันจะใช้สิทธิต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่แล้ว จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกแต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้ทำสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๕ ในฐานะเป็นผู้ค้ำประกันและจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ในฐานะผู้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างประกันหนี้ของจำเลยที่ ๑ ให้ชำระเงินจำนวน ๗๗,๘๔๗,๖๗๑.๒๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ในต้นเงิน ๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และ ที่ ๔ ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๕ โจทก์ขอถอนฟ้องศาลชั้นต้นอนุญาต
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นนายเกียรติ ธรรมมงคลจำเลยที่ ๓ ยื่นคำร้องขอว่า จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหายเพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินและหนี้สินของจำเลยที่ ๑ จึงเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่ ๓
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งว่า การที่จำเลยที่ ๓ หรือผู้ร้องยื่นคำร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของจำเลยที่ ๑ หาใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิต่อจำเลยที่ ๓ หรือผู้ร้องโดยตรงไม่ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๑) จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ร้อง อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่ ๓ หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ วรรคแรก บัญญัติว่า “บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความอาจเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอด (๑) ด้วยความสมัครใจเองเพราะเห็นว่าเป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่…” คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ชำระเงินตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้บังคับเอาแก่จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ร้อง สิทธิของผู้ร้องมีอยู่ในบริษัทจำเลยที่ ๑ เพียงใดก็คงมีอยู่อย่างนั้น ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องร้องสอดเข้ามาเพื่อยังให้ได้รับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๑) อีกทั้งผู้ร้องก็ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ ๓ ในคดีนี้จึงถือว่าเป็นคู่ความในคดีอันจะใช้สิทธิต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่แล้วจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกแต่อย่างใด ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของผู้ร้อง ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

นายนิพันธ์ ช่วยสกุล ผู้ช่วยฯ
นางสาวอังคณา สินเกษม ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายกีรติ กาญจนรินทร์ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share