คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคท้ายถ้าโจทก์ได้ฟ้องคดีอาญาและศาลได้พิพากษายกฟ้องจนคดีเด็ดขาดแล้วก่อนที่ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง สิทธิของผู้เสียหายจะฟ้องคดีแพ่งย่อมมีอายุความตามหลักทั่วไปในเรื่องอายุความแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคแรก ซึ่งขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 10287ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ทิศตะวันตกติดที่ดิน ส.ค.1 ของจำเลยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2523 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีได้รังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ปรากฏผลการรังวัดว่าจำเลยได้ทำถนนดินลูกรัง จากหน้าบ้านของจำเลยออกสู่ถนนสุขุมวิทเข้ามาในที่ดินของโจทก์และทำรั้วบ้านรุกล้ำที่ดินของโจทก์ตามแผนที่เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 โจทก์จึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองชลบุรี ต่อมาพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดชลบุรี ข้อหาบุกรุก โจทก์ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืน ข้อเท็จจริงจึงปรากฏว่าจำเลยได้ทำถนนดินลูกรังและสร้างรั้วบ้านรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ได้ขอคิดค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันที่ 9กุมภาพันธ์ 2526 อันเป็นวันที่โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์คิดถึงวันฟ้องเป็นเวลา 5 เดือน เป็นเงิน 5,000 บาทขอให้บังคับจำเลยให้รื้อถอนถนนดินลูกรัง รั้วบ้านและสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ออกไปให้พ้นที่ดินของโจทก์กับทำที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม หากไม่ปฏิบัติให้โจทก์มีอำนาจกระทำการได้เอง โดยให้จำเลยชดใช้ค่าใช้จ่าย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้นำคดีมาฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ว่าถูกรบกวนการครอบครองที่ดิน คือ นับแต่วันที่โจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับจำเลยในข้อหาบุกรุก ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนถนนดินลูกรัง รื้อบ้านตลอดจนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ และทำให้ที่ดินของโจทก์อยู่ในสภาพเดิม หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย โดยให้โจทก์มีอำนาจเข้าทำการแทนและให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 300 บาท นับแต่เดือนกุมภาพันธ์2526 จนกว่าจำเลยและบริวารจะได้รื้อถนนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยรื้อถอนถนนดินลูกรังรื้อบ้านตลอดจนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์และทำให้ที่ดินของโจทก์อยู่ในสภาพเดิมให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 300 บาท นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2526 จนกว่าจะได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ยุติในเบื้องต้นว่าที่ดินของโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 10287 และที่ดินของจำเลยตามแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) มีอาณาเขตติดต่อกัน โดยที่ดินของโจทก์อยู่ทางด้านหน้าและติดถนนสุขุมวิท จำเลยได้ทำรั้วบ้านและทำถนนเดินลูกรังกว้างประมาณ 1 เมตร จากประตูรั้วบ้านจำเลยออกสู่ถนนสุขุมวิทล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินโจทก์ คดีมีประเด็นตามฎีกาของจำเลยและคำแก้ฎีกาของโจทก์ดังต่อไปนี้
ข้อ 4. คดีโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่ ปัญหาข้อนี้จำเลยฎีกาว่า ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีอาญาฐานบุกรุกแล้วอายุความในคดีส่วนแพ่งย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อจำเลยบุกรุกที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2523แต่โจทก์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีคดีโจทก์จึงขาดอายุความแล้ว เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคท้ายบัญญัติว่า “ถ้าโจทก์ได้ฟ้องคดีอาญาและศาลได้พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยจนคดีเด็ดขาดแล้วก่อนที่ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง สิทธิของผู้เสียหายจะฟ้องคดีแพ่งย่อมมีอายุความตามหลักทั่วไปในเรื่องอายุความแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์”อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรกที่ว่า “สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้นท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด” โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่า โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามฟ้องเมื่อวันที่ 9กันยายน 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2526ค่าเสียหายที่มีอยู่ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคม 2525 จึงเป็นอันขาดอายุความแล้ว โจทก์พึงเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้เฉพาะตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2525 ไปจนกว่าจำเลยจะยุติการละเมิดต่อโจทก์ การที่โจทก์ขอค่าเสียหายเป็นรายเดือนจากจำเลยนับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2526 อันเป็นวันที่โจทก์บอกกล่าวไปยังจำเลยก่อนวันฟ้องเพียง 5 เดือน คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share