คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า ‘บังอาจ’ ตามกฎหมายอาญา มาตรา336(2) นั้นหมายความว่า กระทำโดยรู้ว่าเป็นทางหลวงจึงเป็นความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบังอาจสมคบกันปักเสาล้อมรั้วด้วยลวดหนามล้ำเข้าไปในถนนหลวงกว้าง 2 ศอก ยาว 14 วา โดยมิได้รับอนุญาตจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่า ที่ดินที่จำเลยทำรั้วเป็นที่ดินของจำเลยซึ่งมีโฉนดตราจองแล้วหาใช่ถนนหลวงไม่

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยปักเสาล้อมรั้วลวดหนามรุกล้ำทางหลวงแม้จำเลยจะไม่มีอาชญาเจตนาก็ต้องมีผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 336(2), 333 ปรับจำเลยคนละ 12 บาท

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยได้ปักเสาขึงลวดหนามล้อมรั้วเลยเขตที่ดินของจำเลยเข้าไปในทางหลวงยาว 8 วากว้าง 40 เซ็นติเมตรเห็นว่าเป็นการบังอาจเป็นความผิดตามมาตรา 336(2)

พิพากษายืน

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า “บังอาจ” ตามมาตรา 336(2) หมายความว่ากระทำโดยรู้ว่าเป็นทางหลวงจึงเป็นความผิด ข้อโต้แย้งของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปจากศาลชั้นต้นเป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการบังอาจไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194 นั้น เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยที่ได้ความมาเป็นการบังอาจตามมาตรา 336(2) แล้วต่างหาก หาใช่ฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากศาลชั้นต้นไม่

พิพากษายืน

Share