คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6308/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทของเจ้าพนักงานบังคับคดี นิติกรรมระหว่างผู้ร้องกับเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นโมฆะเนื่องจากผู้ร้องสำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรม เท่ากับผู้ร้องกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทของเจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด เมื่อผู้ร้องต้องผูกพันในราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ และหากนำที่ดินพิพาทออกขายอีกครั้งหนึ่งถ้าได้เงินเป็นจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าขายทอดตลาดชั้นเดิมแล้ว ผู้ร้องต้องรับผิดในส่วนที่ขาดตาม ป.พ.พ. มาตรา 516 ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ที่ดินพิพาทซึ่งขายทอดตลาดนั้นมีสิทธิยื่นคำร้องดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพิพาทของจำเลยในราคา 850,000 บาท ผู้ร้องในฐานะผู้เข้าร่วมประมูลยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้วางเงิน 45,000 บาท ก่อนเข้าร่วมประมูล ต่อมาผู้ร้องเสนอประมูลทรัพย์พิพาทในราคา 230,000 บาท แต่โจทก์คัดค้านราคาและแจ้งแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีว่าราคาควรอยู่ที่ 850,000 บาท ผู้ร้องได้ยินไม่ชัดเจนเนื่องจากมีอายุมากและหูตึง เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีสอบถาม ผู้ร้องเข้าใจว่าราคาอยู่ที่ 280,000 บาท จึงตกลงสู้ราคา หลังจากนั้นทราบความจริงว่าไม่ใช่ราคาที่ผู้ร้องประสงค์จะประมูล การแสดงเจตนาของผู้ร้องเป็นการสำคัญผิดในราคาที่ดินซึ่งเป็นสาระสำคัญของนิติกรรม ขอให้ยกเลิกการซื้อขายระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับผู้ร้อง และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีคืนเงินที่ผู้ร้องวางไว้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในคดี กรณีเป็นการเรียกเงินคืนจากเจ้าพนักงานบังคับคดี มิใช่เหตุขอเพิกถอนในชั้นบังคับคดี ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการซื้อขายระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดีกับผู้ร้องและเรียกเงินคืนหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทของเจ้าพนักงานบังคับคดี นิติกรรมระหว่างผู้ร้องกับเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นโมฆะ เนื่องจากผู้ร้องสำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรม เท่ากับผู้ร้องกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทของเจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กรณีนี้ผู้ร้องต้องผูกพันในราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ และหากนำที่ดินพิพาทออกขายอีกครั้งหนึ่งถ้าได้เงินเป็นจำนวนสุทธิไม่คุ้มราคาและค่าขายทอดตลาดชั้นเดิมแล้ว ผู้ร้องต้องรับผิดในส่วนที่ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 516 ผู้ร้องจึงเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ที่ดินพิพาทซึ่งขายทอดตลาดนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ทำการไต่สวนข้อเท็จจริงเสียก่อนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของผู้ร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่

Share