แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้เสียหายอายุ 17 ปีเศษ เป็นบุตรของโจทก์ร่วมกับ ส. แต่โจทก์ร่วมกับ ส. มิได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้เสียหายจึงมิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ร่วมเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้จดทะเบียนว่าผู้เสียหายเป็นบุตร โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจปกครอง และมิใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายที่จะมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1) จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการและไม่มีฐานะเป็นโจทก์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเรานางสาว ล. ผู้เสียหาย อายุ 17 ปีเศษซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลย โดยใช้กำลังกอดปล้ำผู้เสียหายจนล้มลง ขึ้นคร่อมบนตัวผู้เสียหายแล้วกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง โดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นาย ห. บิดาของผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่าตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมาย ป.จ.3 ผู้เสียหายเกิดเมื่อวันที่ 16เมษายน 2523 ผู้เสียหายเป็นบุตรของโจทก์ร่วมกับนาง ส. โจทก์ร่วมเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์ร่วมกับนาง ส. ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ผู้เสียหายเกิดแต่โจทก์ร่วมกับนาง ส. ผู้เสียหาย จึงมิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ร่วม ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้จดทะเบียนว่าผู้เสียหายเป็นบุตรโจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เสียหายและมิใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายที่จะมีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(1) จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการและไม่มีฐานะเป็นโจทก์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน