คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กองทรัพย์สินของตระกูลไม่ใช่นิติบุคคล จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินใดๆ ไม่ได้
ญาติๆ ลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้ เช่นบุคคลทั้งหลาย

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าเมื่อ ๕๐ ปีมาแล้วนางกลิ่นมารดาโจทก์ที่ ๑ ยายโจทก์ที่ ๒ ได้รวบรวมเงินจากบรรดาบุตรหลาน ๑๙ คนและของนางกลิ่นเองด้วย จัดซื้อที่ดินยังไม่มีโฉนดหนึ่งแปลงเพื่อเก้บดอกผลทำบุญเส้นไหว้บรรพบุรุษ(แซ่กิม) นางกลิ่นเป็นผู้ดูแล นางกลิ่นตายแล้ว ต่อมาผู้ถือกรรมสิทธิร่วมได้ขอรังวัดออกโฉนดใส่ชื่อนายน้ำแกงสินบุตรนางกลิ่นเป็นเจ้าของ ต่อมาเมื่อ ๔๕ ปีมานี้ นายน้ำนางสินและผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงให้โอนใส่ชื่อนายเขียดเป็นเจ้าของที่พิพาท เพื่อคุ้มครองการเกณฑ์ทหาร ต่อมานายเขียดกับหุ้นส่วนได้ตกลงโอนใส่ชื่อจำเลยเพื่อคุ้มครองการเกณฑ์ทหารเช่นเดียวกันส่วนที่ดินมอบให้นายแพบิดาจำเลยเก็บผลประโยชน์ทำบุญเส้นไหว้ นายแพตาย พ.ศ. ๒๔๘๐ โจทก์และหุ้นส่วนตกลงให้จำเลยเป็นผู้ดูแลเก็บประโยชน์แทน ครั้นวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๔ จำเลยละเลยไม่ทำบุญเส้นไหว้ ไม่แสดงบัญชีรับ-จ่าย จึงขอให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินและเงิน ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทได้โอนเป็นของจำเลยโดยชอบโดยไม่ทราบว่าโอนให้จำเลยด้วยเหตุอะไร จำเลยครอบครองโดยสงบและเปิดเผยมา ๔๐ ปีแล้ว จำเลยไม่เคยทำการใดๆ ในนามของหุ้นส่วน และตัดฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ จักษุพิการไร้ความสามารถไม่อาจดำเนินคดีในศาลได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอแบ่งที่ดินและเงินผลประโยชน์ส่วนตัวได้ เพราะได้อุทิศเป็นสมบัติของตระกูลแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินและเงินผลประโยชน์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามที่จำเลยโต้เถียงว่าที่ดินเป็นของกองทรัพย์ของตระกูลแซ่กิม จึงขอแบ่งไม่ได้นั้น เห็นว่า ตระกูลแซ่กิมไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคลจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินใดๆ ไม่ได้ ที่ดินจึงเป็นทรัพย์ของผู้มีกรรมสิทธิร่วมกัน ที่จำเลยเถียงว่าจำเลยครอบครองมีชื่อในโฉนดมา ๔๐ ปีนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าได้ลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าของเพื่อประโยชน์มิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหาร ไม่ใช่การให้จริงจัง จำเลยคงเป็นเพียงผู้แทนของโจทก์กับพวกที่ดินจึงไม่เป็นกรรมสิทธิของจำเลย ส่วนที่จำเลยว่าโจทก์ที่ ๑ จักษุพิการไม่สามารถดำเนินคดีได้นั้น เห็นว่ายังไม่มีศาลได้สั่งว่าโจทก์เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ โจทก์จึงคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลใด
จึงพิพากษายืน

Share