แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลฎีกาจะเรียกสำนวนคดีอื่นมาประกอบการวินิจฉัยก่อน มีคำพิพากษาก็ได้
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินนาฟางมือเปล่า ๑ แปลงเนื้อที่ ๔๐ ไร่เศษ ซื้อมาจากผู้มีชื่อเมื่อ ๓๗-๓๘ ปี โจทก์ได้ครอบครองเป็นเจ้าขอมาโดยสงบเปิดเผย ครั้นเดือน ๖ พ.ศ.๒๔๙๕ จำเลยใช้กระบือเทียมไถนาโจทก์ไปแล้ว ๗-๘ ไร่โจทก์ขาดประโยชน์ใน พ.ศ.๒๔๙๕ คิดเป็นเงิน ๒,๔๒๐ บาท จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ ๔๐ ไร่เป็นของโจทก์ กับให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยต่อสู้ว่า นาพิพาทเดิมเป็นของบิดามารดามีเพียง ๑๓-๑๔ ไร่ ครั้นบิดามารดาตาย จำเลยได้ปกครองและบุกเบิกกว้างออกไปเป็นเนื้อที่ ๓๐ ไร่ เศษครั้นเมื่อ ๑๐ ปีเศษนี้ จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไป ๓๒๐ บาทบวกกับที่มารดาของจำเลยได้กู้ไปก่อน ๘๐ บาท รวมเป็น ๔๐๐ บาท เอานารายนี้ให้ไว้เป็นประกัน จำเลยคงส่งดอกเบี้ยตลอดมาจนเมื่อ ๓-๔ ปีมานี้จำเลยกู้เงินจากโจทก์เพิ่มอีกรวมทั้งหมดเป็น ๘,๐๐๐ บาทได้เอานาพิพาทเป็นประกันแต่จำเลยครอบครองนาอยู่และเมื่อ ๕-๖ เดือนมานี้จำเลยขอให้อำเภอรังวัดประกาศขายจะเอาใช้โจทก์ ๆ อยากได้จะยอมเพิ่มเงินแก่จำเลยอีกบ้าง แต่จำเลยไม่ยอมโจทก์โกรธจึงไปคัดค้าน
ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ ไม่เชื่อว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามหลักฐานพยานที่กล่าวมานี้ รูปคดีชวนให้เห็นว่าจำเลยมีนาเฉพาะรายพิพาทนี้ และจำเลยได้ทำนาพิพาทดังศาลล่างทั้งสองชี้ขาดมา แต่ปรากฎตามฎีกาของโจทก์และคำแก้ฎีกาของจำเลยและคำแถลงการณ์ว่า หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้แล้วโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเรียกเงินกู้สำนวนหนึ่งและฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยเบิกความเท็จสำนวนหนึ่ง จำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาหาว่าแจ้งความเท็จสำนวนหนึ่ง ตามฎีกาและคำแถลงของโจทก์มีใจความว่า คดีเรื่องเงินกู้ได้มีการยึดนาของจำเลยขายทอดตลาดไปแล้ว ฝ่ายจำเลยก็แก้ว่าโจทก์แบ่งยึดนารายพิพาทไป เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลนี้จึงเรียกสำนวนทั้งสาม คือคดีแพ่งแดงที่ ๑๗๘/๒๔๙๕ คดีอาญาแดงที่ ๔๐๘-๔๐๙/๒๔๙๕ มาประกอบการวินิจฉัย เฉพาะความแพ่งปรากฎตามบัญชียึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดว่าทรัพย์ของจำเลยที่ถูกยึดนั้นปรากฎว่าเป็นนาคนละแปลง กับนารายพิพาทรายนี้ ทั้งนี้มีเนื้อที่เกินกว่าจำนวนในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่ ที่จำเลยอ้างเป็นพยานคดีฟังได้ถนัดว่า นาที่จำเลยใช้ประกันเงินกู้คือแปลงที่ขายทอดตลาดไปแล้ว ไม่ใช่จำเลยมีนาเฉพาะรายพิพาทแปลงเดียวดังจำเลยนำสืบมา รูปคดีฟังได้ว่านาพิพาทเป็นของโจทก์จริงดังฟ้อง
พิพากษากลับว่านาพิพาทของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่นาพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๒,๘๐๐ บาท