แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ไม่มีอำนาจปิดกั้นทางสาธารณะ ซึ่งอยู่ในเขตประทานบัตรของตนได้ ตาม พ.ร.บ.เหมืองแร่ ( ฉบับที่ 6 ) 2483 มาตรา 6
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่ดิน ๑ แปลง โดยลิดาโจทก์ได้รับอนุญาตให้ทำมาก่อนการเข้าออกไปมาจากที่ดินในเขตประทานบัตรของโจทก์กับถนนสาธารณณะสายสาบู โจทก์ต้องเดินและใช้รถยนต์ผ่านที่ดินในเขตประทานบัตรทำเหมืองแร่ของจำเลยที่ ๑ ซึ่งอยู่ด้านนอก ที่จะออกมายังถนนสายสาบู เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๙๒ จำเลยที่ ๑ ได้สั่งให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นบุตรเขยใช้คนงานปักกั้นปิดทางสัญจรนี้เสีย จึงขอให้จำเลยรื้อรั้วเปิดทางเดินให้โจทก์เข้าไปในที่ดินประทานบัตรของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ทางพิพาทที่อยู่ในเขตประทานบัตรของจำเลยๆ มีสิทธิตาม พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่ ส่วนตอนนอกเขตประทานบัตร จำเลยยังทรงสิทธิครอบครอง เพราะได้ลงทุนก่อสร้างสิ้นเงินประมาณ ๑ แสนบาท โจทก์มีทางออกถนนสาธารณะได้หลายทาง ขอให้ศาลห้ามจำเลยและบริวารมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องในที่พิพาทหากศาลเห็นว่าโจทก์ต้องใช้ทางเดินพิพาท ก็ให้โจทก์ใช้ค่าทดแทนและค่าซ่อมแซมเป็นรายเดือนแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้ว เปิดทางเดินให้โจทก์และยกฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้โจทก์ใช้ค่าทดแทนให้จำเลยเดือนละ ๘๐๐ บาท นอกนั้นยืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ ซึ่งตาม พ.ร.บ. เหมืองแร่ ( ฉบับที่ ๖ ) พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๖ บัญญัติว่า ” ทางสาธารณะซึ่งปรเชาชนใช้จราจรไปมาอยู่จะเป็นทางน้ำหรือทางบกก็ดี และทางนั้นจะอยู่ตายนอกหรือตายในเขตเหมืองแร่ก็ดี ผู้ถือประทานบัตรจะทำลายปิดกั้นหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด อันเป็นการทำให้ไม่สดวกหรือไม่ปลอกภัยแก่การจราจรไปมาของประชาชนมิได้เป็นอันขาด ” ฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีอำนาจปิดกั้นทางพิพาทซึ่งอยู่ในเขตประทานบัตรรของจำเลยได้
พิพากษาแก้ ให้บังคับตามศาลชั้นต้น