คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2535

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องขอคิดดอกเบี้ยจากจำเลยถึงวันฟ้องเพียง 5 ปีมิได้คิดเป็นเวลา 5 ปี 7 เดือนตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระให้โจทก์ปัญหานี้แม้ว่าในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวไว้ ซึ่งถือเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แต่เนื่องจากเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 โจทก์ฟ้องขอเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยถึงวันฟ้องเพียง 5 ปีเป็นเงิน 90,000 บาท แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์นับจากวันที่ 1 เมษายน 2535 จนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ ซึ่งเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นระยะเวลาเกินกว่า5 ปีนั้น เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2525 จำเลยได้ยืมเงินจากโจทก์จำนวน 120,000 บาท คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยไม่เคยชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ นับตั้งแต่จำเลยยืมเงินจากโจทก์จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 5 ปี 7 เดือน โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยเพียง 5 ปีเป็นเงิน 90,000 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 210,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 120,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยยืมเงินโจทก์ สัญญากู้ฉบับท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอมเนื่องจากจำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 120,000บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2525 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เพียงใดตามที่จำเลยฎีกาในปัญหานี้ว่า โจทก์ฟ้องขอคิดดอกเบี้ยจากจำเลยถึงวันฟ้องเพียง 5 ปี มิได้คิดเป็นเวลา 5 ปี 7 เดือน ตามที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระให้โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในชั้นศาลอุทธรณ์ จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในปัญหาดังกล่าวไว้ ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ แต่เนื่องจากเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจึงยกปัญหาดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 และศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยถึงวันฟ้องเพียง 5 ปี เป็นเงิน 90,000 บาท ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์นับจากวันที่ 1 เมษายน 2525 จนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ ซึ่งเมื่อนับถึงวันฟ้องเป็นระยะเวลาเกิน 5 ปี นั้น เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องคิดให้เพียง 5 ปี เป็นเงิน 90,000 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์.

Share