คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6293/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยเพื่อนำออกขายทอดตลาดปรากฏว่าโฉนดที่ดินของที่ดินที่ถูกยึดอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องในฐานะผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องจากเจ้าหนี้เดิมของจำเลย ผู้ร้องย่อมเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้จำนองในที่ดินผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินจำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญโดยมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสอง เพราะการจำนองย่อมติดตามตัวที่ดินไปตลอดจนกว่าผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้ แต่การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินที่จะขายทอดตลาดนั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275,276 ประกอบด้วยมาตรา 304 กรณีเรื่องสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินจึงเป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องผู้เป็นเจ้าหนี้กับจำเลยผู้เป็นลูกหนี้เท่านั้น ผู้ร้องจะยึดหน่วงโฉนดที่ดินไว้รอจนกว่าจำเลยจะชำระหนี้อันเป็นการกระทบสิทธิโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งที่จะบังคับยึดที่ดินเพื่อขายทอดตลาดหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลแพ่งกรุงเทพใต้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 237,430 บาท จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์สินของจำเลย แต่ทรัพย์สินของจำเลยอยู่ในเขตศาลจังหวัดสมุทรสาครเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขอให้ศาลจังหวัดสมุทรสาครดำเนินการบังคับคดีแทน ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดสมุทรสาครได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 70220 ตำบลนาดี อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย แต่เนื่องจากโฉนดที่ดินดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนอง เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขอให้ศาลจังหวัดสมุทรสาครออกหมายเรียกกรรมการผู้จัดการของผู้ร้องมาสอบถามและสั่งให้ผู้ร้องส่งโฉนดที่ดินและหนังสือสัญญาจำนอง

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาจากเจ้าหนี้เดิมของจำเลยย่อมมีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินและหนังสือสัญญาจำนองจนกว่าจะได้รับชำระหนี้จากจำเลยจนครบถ้วน และขณะนี้ผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ให้ชำระหนี้แก่ผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องจำเป็นต้องใช้โฉนดที่ดินและหนังสือสัญญาจำนองเพื่ออ้างส่งเป็นพยานหลักฐานต่อศาลในคดีดังกล่าว

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าหนี้เงินกู้และมีสิทธิยึดหน่วงก็ตามแต่ผู้ร้องก็มีหน้าที่ต้องส่งโฉนดที่ดินตามที่ศาลหมายเรียกไปเพราะหากบังคับคดีขายทอดตลาดแล้ว ผู้ร้องก็มีสิทธิที่จะบังคับตามสัญญากู้ยืมไม่เป็นที่เสียหาย จึงให้ผู้ร้องส่งโฉนดที่ดินดังกล่าวต่อศาลภายใน 15 วัน

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัย “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินของจำเลยไว้หรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดที่ดินของจำเลยเพื่อนำออกขายทอดตลาดนั้นเป็นการใช้สิทธิทางศาลของโจทก์ในชั้นบังคับคดี เมื่อปรากฏว่าที่ดินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดนั้นโฉนดที่ดินอันเป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์อยู่ในความครอบครองของผู้ร้องในฐานะผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง ผู้ร้องย่อมเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้จำนองในที่ดินที่จำเลยมีต่อเจ้าหนี้เดิมผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินจำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญโดยมิพักต้องพิเคราะห์ว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะได้โอนไปยังบุคคลภายนอกแล้วหรือหาไม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคสอง เพราะการจำนองย่อมติดตามตัวที่ดินไปตลอดจนกว่าผู้ร้องจะได้รับชำระหนี้ แต่การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ผู้ร้องส่งมอบโฉนดที่ดินที่จะขายทอดตลาดนั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275, 276ประกอบด้วยมาตรา 304 ในกรณีนี้สิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินจึงเป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องผู้เป็นเจ้าหนี้กับจำเลยผู้เป็นลูกหนี้เท่านั้น ผู้ร้องจะยึดหน่วงโฉนดที่ดินไว้รอจนกว่าจำเลยชำระหนี้อันเป็นการกระทบสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งที่จะบังคับยึดที่ดินเพื่อขายทอดตลาดหาได้ไม่ ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่า บริษัทเงินทุนยูไนเต็ดจำกัด (มหาชน) ได้ปลดจำนองที่ดินให้แก่จำเลยก่อนที่ผู้ร้องจะได้รับโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเงินกู้ เป็นเหตุให้สัญญาจำนองระงับสิ้นไป ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิในฐานะเจ้าหนี้จำนองที่ดินพิพาทแต่อย่างใดนั้น เห็นว่า หากข้อเท็จจริงเป็นไปดังฎีกาของผู้ร้องแล้ว สิทธิเรียกร้องของผู้ร้องได้รับโอนมาเพียงใด ผู้ร้องย่อมได้สิทธิเรียกร้องมาเพียงนั้น จึงไม่มีหนี้จำนองที่ผู้ร้องจะใช้สิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินเช่นเดียวกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องส่งโฉนดที่ดินแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share