แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายความที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาย่อมมีอำนาจลงลายมือชื่อในคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการแทนตัวความได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2500 เวลากลางคืนจำเลยสมคบกันปล้นทรัพย์ของนายเลี๊ยดฮ้อกับพวกไปตามบัญชีทรัพย์รวม 15,852 บาท และปล้นเอาสายสร้อยคอทองคำ 1 สาย นางกวัก 1 อันราคา 550 บาทของ น.ส.สมไปโดยจำเลยใช้ปืนยิงขู่และทำร้ายร่างกายนางบุญล้อมกับนายประจวบได้รับอันตรายตามรายงานชันสูตรบาดแผล
จำเลยปฏิเสธ
นางบุญล้อมยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายวุ้นจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340(2) จำคุก 10 ปีและให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่นายเลี๊ยดฮ้อกับพวก 15,852 บาท และแก่ น.ส.สม 550 บาท ยกฟ้องปล่อยนายชั้นจำเลยกับนายปลูกจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษนายชั้นจำเลย นายวุ้นจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นายวุ้นจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า นายวุ้นจำเลยกระทำผิดดังที่ศาลล่างพิพากษามา ข้อที่คัดค้านว่าคำร้องของนางบุญล้อมผู้เสียหายที่ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะทนายเป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำร้องโดยนางบุญล้อมไม่ได้ลงลายมือชื่อด้วยตนเองนั้น เห็นพ้องศาลอุทธรณ์ว่า คำร้องเช่นนี้ไม่ใช่เป็นคำฟ้องทนายของนางบุญล้อมจึงลงลายมือชื่อแทนได้ และฟังว่าคนร้ายเอาสายสร้อยคอของ น.ส.สมไปราคา 450 บาทเท่านั้นมิได้กล่าวถึงนางกวักด้วย จึงพิพากษาแก้ให้นายวุ้นจำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์แก่ น.ส.สมเพียง 450 บาท นอกนั้นยืน