แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยตลอดจนข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันฟังได้ว่ามันสัมปะหลังที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยขุดลักเอาไปตามฟ้องนั้นปลูกไว้ในที่ดินมีโฉนดซึ่งมีชื่อของจำเลยและนางอัวมารดาผู้เสียหายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยถือกรรมสิทธิร่วมกัน นางอัวตายแล้วผู้เสียหายถือว่าที่ดินเป็นมรดกตกได้แก่ผู้เสียหาย ส่วนมันสำปะหลังผู้เสียหายและจำเลยต่างเกี่ยงกันว่าตนเป็นผู้ปลูกเช่นนี้จะงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าจำเลยไม่มีเถยยะจิตเป็นโจรยังไม่ได้ มูลคดียังไม่พอวินิจฉัยชี้ชาดว่าจำเลยได้ทำผิดดังข้อหาหรือไม่จึงจำเป็นต้องฟังคำพยานทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความก่อน.
เพราะเถียงกันว่าใครเป็นผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑๔ ก.ย.๙๔ เวลากลางวันจำเลยกับพวกอีกหลายคนบังอาจสมคบกันลักเอามันสำปะหลังของนายอินซึ่งปลูกไว้ในไร่ไป ๑๐ เกวียนราคา ๒,๐๐๐ บาท เหตุเกิดที่ตำบลหนองรี อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ว่ามันสำปะหลังที่จำเลยขุดนั้นเป็นของจำเลยปลูกไว้ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๖๓๐ ที่จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิอันสมบูรณ์
ในวันพิจารณาศาลชั้นต้นสอบถามนายอินผู้เสียหายและจำเลยต่างแถลงรับว่าที่ดินที่ปลูกมันสำปะหลังที่จำเลยขุดเอาไปนั้นเป็นที่ดินส่วนหนึ่งในโฉนดที่ ๒๖๓๐ ซึ่งมีชื่อจำเลยและนางอัวมารดาผู้เสียหายซึ่งภรรยาจำเลยถือกรรมสิทธิร่วมกันนางอัวตายแล้ว ผู้เสียหายถือว่าที่ดินเป็นมรดกได้แก่ผู้เสียหาย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงให้งดสืบพยานโจทก์และฟังว่าจำเลยกระทำไปโดยไม่มีเถยยะจิตเป็นโจร พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีนี้แล้วเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่าเพียงเท่าที่ผู้เสียหายและจำเลยต่างแถลงรับกันมายังไม่พอวินิจฉัยชี้ขาดว่าจำเลยได้ทำผิดดังข้อหรือหรือไม่ จำเป็นต้องฟังคำพยานของทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
จึงให้ยกฎีกาจำเลย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์