แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีได้ความว่าจำเลยที่ 1,2 ฝ่ายหนึ่งกับจำเลยที่ 3 กับผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันแต่เหตุที่ผู้ตายตายเนื่องจากกระทำของใครไม่ปรากฏ จะตายเพราะบาดแผลใดใครเป็นผู้กระทำก็ไม่ปรากฏและได้ความว่าพยานโจทก์เห็นคน 5 – 6 คนกลุ้มรุมตีกัน ใครทำใครอย่างไรก็ไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ตายเพราะการกระทำของจำเลยที่ 1,2 ยังไม่ได้ จำเลยที่ 3 ทั้งสอง คงผิดตาม ม.253 เท่านั้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายปลั่ง จำเลยที่ ๑ นายคลี่ จำเลยที่ ๒ และนายไว จำเลยที่ ๓ กับนายวานอีกฝ่ายหนึ่ง สมัครใจต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดย จำเลยที่ ๑,๒ สมคบกันใช้มีดแทง จำเลยที่ ๓ บาดเจ็บแทงนายวานตาย โดยเจตนา ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๔๙,๒๕๓,๒๕๖,๒๕๔,๖๓
จำเลยทั้ง ๓ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายปลั่ง นายคลี่จำเลยมีความผิดตาม ม.๒๔๙,๒๕๔ ลงโทษตามบทหนัก ม.๒๔๙ ให้จำคุกคนละ ๑๕ ปี ปราณีตาม ม.๕๙ คงจำคุกนายปลัง นายคลี่จำเลยคนละ ๑๐ ปี คดีเฉพาะนายไวจำเลยหลักฐานไม่พอลงโทษให้ยกฟ้องปล่อยตัวไป
นายปลั่ง นายคลี่ จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่านายปลั่ง จำเลยที่ ๑ นายคลี่ จำเลยที่ ๒ มีความผิดตาม ม.๒๕๓ ให้จำคุกคนละ ๒ ปี นอกจากที่แก้พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑,๒ ตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุที่นายวานตายเนื่องจากการกระทำของใครก็ไม่ปรากฏ ๆ ว่านายวานมีบาดแผลรวม ๖ แผลด้วยกัน จะตายเพราะแผลใด ใครเป็นผู้กระทำก็ไม่ปรากฏ ขระที่นายมานางโต๊ะเห็นคน ๕ – ๖ กลุ้มรุมตีกัน ใครทำใครอย่างไรก็ไม่ปรากฏจะว่านายวานได้ตายเพราะการกระทำของนายปลั่ง นายคลี่จำเลยยังไม่ได้ พิพากษายืน.