คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นนายแพทย์ทำการรีดลูกโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลเหตุเกิดขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา แต่ขณะศาลพิพากษานั้นประมวลกฎหมายอาญาใช้แล้ว จำเลยจึงมีผิดเพียงตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 261 ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษทวีขึ้นอีก 1 ใน 3 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 262 โดยจำเลยเป็นแพทย์และทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลนั้น กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดคือ ประมวลกฎหมายอาญา ไม่มีบัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำผิดฐานรีดลูกซึ่งเป็นแพทย์หรือเป็นคนทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลทวีขึ้นดังที่บัญญัติในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 262 จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามความใน มาตรา 3 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไม่ลงโทษจำเลยทวีขึ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนายแพทย์และทำการรีดลูกนางฉวี พุ่มซ้อนให้แท้งด้วยความยินยอมของนางฉวี โดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลเป็นเงิน600 บาท ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 261, 262

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 261ให้จำคุก 3 เดือน แต่โดยที่จำเลยเป็นนายแพทย์จึงให้ลงโทษทวีขึ้นตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 262 อีก 1 ใน 3 เป็นจำคุก 4 เดือน ส่วนยาและเครื่องเวชภัณฑ์นั้นทางพิจารณาไม่ได้ความชัดว่าจำเลยได้นำมาใช้ในการทำผิดรายนี้ จึงให้คืนแก่จำเลยไป

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจำเลยทำการรีดลูก พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยซึ่งเป็นนายแพทย์ได้ทำการรีดลูกนางฉวีโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลจริงดังโจทก์ฟ้อง

พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 261 ให้จำคุกจำเลย 3 เดือน ในข้อที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 262 โดยจำเลยเป็นแพทย์และทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลนั้น กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดคือประมวลกฎหมายอาญา ไม่มีบัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำผิดฐานรีดลูกซึ่งเป็นแพทย์หรือเป็นคนทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลทวีขึ้นดังที่บัญญัติในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 262 จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ไม่ลงโทษจำเลยทวีขึ้น ส่วนยาและเครื่องเวชภัณฑ์ ทางพิจารณาไม่ได้ความชัดว่าจำเลยได้นำมาใช้ในการกระทำผิด จึงให้คืนแก่จำเลยไป

Share