คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6274/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งเก้า ถูกจับกุมพร้อมหวายของกลางขณะกำลังจักสานอยู่ข้างถนน จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เป็นลูกจ้างและจักสานเพื่อจะได้รับค่าจ้างจากจำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ครอบครองหวายของกลางอยู่ด้วย ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เป็นตัวการร่วมกันกับจำเลยที่ 1 ครอบครองของกลาง และพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 รับจ้างจักสานหวายของกลางอยู่ริมถนนอย่างเปิดเผย แสดงว่าไม่รู้ว่าหวายของกลางเป็นของผิดกฎหมาย จึงไม่เป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔มาตรา ๒๙ ทวิ, ๗๔, ๗๔ จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๒๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒มาตรา ๕, ๙ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑๖ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน๒๕๑๕ ข้อ ๒ พระราชกฤษฎีกากำหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. ๒๕๓๐ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ริบของกลาง จ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งเก้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๒๙ ทวิ, ๗๑ ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑๖ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๒ พระราชกฤษฎีกากำหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. ๒๕๓๐ จำคุกจำเลยทั้งหมดยกเว้นจำเลยที่ ๔คนละ ๖ เดือน ปรับคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๓ เดือน ปรับ ๕,๐๐๐บาท คำให้การของจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ ยกเว้นจำเลยที่ ๔ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสี่ คงจำคุกจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ ยกเว้นจำเลยที่ ๔ คนละ ๔ เดือน ๑๕ วัน และปรับคนละ ๗,๕๐๐ บาท ของกลางริบ โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนดคนละ๒ ปี ให้จ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งตามกฎหมาย สำหรับจำเลยที่ ๔ มีอายุไม่เกิน ๑๔ ปีไม่ต้องรับโทษ ได้ว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ และที่ ๙อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ถึงที่ ๙ ไม่จ่ายสินบนนำจับสำหรับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๕ ที่ ๖ที่ ๗ ที่ ๘ และที่ ๙ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายสมชายเจ้าหน้าที่ป่าไม้กับพวกได้จับกุมจำเลยทั้งเก้าได้พร้อมหวายของกลางขณะที่จำเลยทั้งเก้ากำลังจักสานหวายอยู่ข้างถนน และวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ครอบครองหวายของกลางอยู่ด้วย จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ จักสานอยู่ก็เพื่อจะได้รับค่าจ้างจากจำเลยที่ ๑ เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองหวายของกลาง ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ถึงที่ ๙ ร่วมกันกับจำเลยที่ ๑ ครอบครองหวายของกลาง และพฤติการณ์ที่จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ รับจ้างจักสานหวายของกลางอยู่ริมถนนอย่างเปิดเผย แสดงว่าจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ ไม่รู้ว่าหวายของกลางเป็นของผิดกฎหมาย และพยานหลักฐานโจทก์ก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้อยู่ว่าของกลางเป็นของที่ผิดกฎหมาย จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ จึงไม่เป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ ๑ ในการกระทำผิด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share