คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มีทนายความสองคนในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์คนหนึ่งไม่มาศาลส่วนทนายโจทก์อีกคนหนึ่งมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะป่วยไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยไม่ปรากฏว่าทนายโจทก์อีกคนหนึ่งมีเหตุจำเป็นที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะเลื่อนคดีเพราะความเจ็บป่วยของทนายโจทก์ ประกอบกับพยานโจทก์ก็ไม่มาศาล ที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานโจทก์จึงชอบแล้ว.
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าระวางพาหนะ ไม้อัดที่โจทก์ขนส่งให้จำเลย จำเลยรับว่าได้ค้างชำระค่าระวางพาหนะดังกล่าว เพราะโจทก์ไม่ส่งใบเสร็จรับเงินไปเรียกเก็บจากจำเลย ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้ขนส่งไม้อัดให้จำเลยแล้ว จำเลยย่อมมีหน้าที่ชำระค่าระวางพาหนะ ให้โจทก์โดยโจทก์ไม่ต้องทวงถาม เมื่อโจทก์ฟ้องคดีอันเป็นการเรียกให้ชำระหนี้แล้ว จำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์บรรทุกไม้อัดรวม 66 ครั้งค้างชำระค่าขนส่งและดอกเบี้ยเป็นเงิน 338,566 บาท ขอให้ชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ชำระค่าขนส่งบางส่วนให้โจทก์แล้วบางส่วนโจทก์ยังไม่มาเรียกเก็บ และบางส่วนโจทก์ยังไม่ได้บรรทุกไม้อัดให้จำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9 นาฬิกาทนายจำเลยมาศาล ส่วนทนายโจทก์มี 2 คน คือนางสาวอานิจตา ตันตระกูลไม่มาศาล นายวิจิตร์ เทิดสุธาธรรม มอบฉันทะให้เสมียนทนายทำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลชั้นต้นอ้างว่าตนเองป่วยเป็นไข้หวัด มีอาการปวดศีรษะ ไอ และจาม ไม่สามารถว่าความได้ ทนายจำเลยรับสำเนาและไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นเห็นว่าอาการป่วยของนายวิจิตร์ทนายโจทก์ไม่ร้ายแรงถึงขนาดมาศาลไม่ได้ ประกอบกับโจทก์มีทนายอีกคนหนึ่งแต่ไม่มาศาล ทั้งพยานโจทก์ไม่มาศาล การเลื่อนคดีจึงไม่มีเหตุสมควรไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อแรกที่ว่า โจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้หรือไม่ เห็นว่า แม้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีจะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นก็งดสืบพยานโจทก์และมีคำพิพากษาในวันนั้นเอง ซึ่งโจทก์ไม่มีโอกาสที่จะโต้แย้งคำสั่งในวันนั้นได้ โจทก์จึงอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นได้ ส่วนปัญหาที่ว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์นั้นชอบหรือไม่ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีทนายความสองคน คือนางสาวอานิจตา ตันตระกูล และนายวิจิตร์ เทิดสุธาธรรม ถึงแม้นายวิจิตร์ทนายโจทก์คนหนึ่งจะป่วยไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ นางสาวอานิจตาทนายโจทก์คนหนึ่งก็ยังอยู่ และไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะเลื่อนคดีเพราะความเจ็บป่วยของทนายโจทก์ ข้อที่โจทก์แก้ฎีกาอ้างว่านางสาวอานิจตาเป็นนักศึกษาของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา กำลังศึกษาอยู่เข้ามาเป็นทนายความเพื่อจะเอาผลของคดี และได้ลาออกจากสำนักงานไปแล้ว ไม่ทราบว่าไปมีภูมิลำเนาอยู่ที่ไหนนั้น โจทก์เพิ่งยกขึ้นอ้างหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว และโจทก์น่าจะทราบดีอยู่แล้วก่อนยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีต่อศาลชั้นต้น แต่โจทก์มิได้กล่าวในคำร้องขอเลื่อนคดี ข้ออ้างดังกล่าวจึงรับฟังไม่ได้ ดังนั้น เมื่อคำร้องขอเลื่อนคดีของโจทก์ไม่มีเหตุอันสมควรประกอบกับพยานโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ที่ศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ จึงชอบแล้วคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
สำหรับข้อที่โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ในประเด็นข้อพิพาทและศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยให้เสร็จสิ้นไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ในปัญหาที่ว่าจำเลยได้ชำระค่าระวางพาหนะในการขนส่งไม้อัดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันดับที่ 1 ถึง 46 ให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่ปรากฏตามเอกสารหมายเลข 3 ท้ายฟ้องซึ่งเป็นใบเสร็จรับเงินที่บริษัทโจทก์ออกจำนวน 42 ฉบับ แสดงว่าได้รับเงินค่าระวางพาหนะในการขนส่งไม้อัดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันดับที่ 1 ถึง 46 เป็นบางส่วนแล้ว เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์ยังไม่ได้รับเงินเป็นการฝ่าฝืนต่อข้อความในเอกสาร และจำเลยให้การปฏิเสธว่าได้ชำระค่าระวางพาหนะดังกล่าวให้โจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีภาระการพิสูจน์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ จึงต้องฟังว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้จำนวนนี้แล้ว ส่วนปัญหาที่ว่าโจทก์ขนส่งไม้อัดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันดับที่ 63ถึง 66 ให้จำเลยแล้วหรือไม่ โจทก์อ้างว่าขนส่งให้จำเลยแล้วแต่จำเลยให้การว่าโจทก์ยังไม่ได้ทำการขนส่งให้จำเลย โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์โจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามที่กล่าวอ้าง จึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ขนส่งไม้อัดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันดับที่ 63ถึง 66 ให้จำเลย สำหรับปัญหาที่ว่า จำเลยจะต้องชำระค่าระวางพาหนะในการที่โจทก์ขนส่งไม้อัดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันดับที่ 47ถึง 62 หรือไม่ นั้น เห็นว่า ค่าระวางพาหนะในการขนส่งไม้อัดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันดับที่ 47 ถึง 62 จำเลยให้การรับว่าจำเลยยังคงค้างชำระโจทก์รวมเป็นเงิน 60,485 บาท จำเลยเพียงแต่ต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ส่งใบเสร็จรับเงินไปเรียกเก็บเงินตามวิธีปฏิบัติระหว่างโจทก์จำเลยเท่านั้น คำฟ้องของโจทก์ที่ว่าโจทก์ได้ขนไม้อัดดังที่ปรากฏในเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันดับที่ 47 ถึง 62 ไปส่งให้แก่ผู้รับตามที่จำเลยว่าจ้างครบถ้วนถูกต้องสมประโยชน์ของจำเลยแล้ว จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธในข้อนี้ จึงรับฟังได้ว่า โจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาโดยขนส่งไม้อัดตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 อันดับที่ 47 ถึง 62 เสร็จเรียบร้อยตามความประสงค์ของจำเลยถือว่าโจทก์ได้ชำระหนี้ในส่วนของโจทก์แล้ว จำเลยจึงต้องชำระค่าระวางพาหนะให้แก่โจทก์ในการขนส่งไม้อัดจำนวนนี้เป็นการตอบแทนโดยโจทก์ไม่ต้องทวงถาม เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้อันเป็นการเรียกให้ชำระหนี้แล้ว จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระดอกเบี้ยนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป”
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 60,485บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share