คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี และฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี รวมสองกระทง จำคุก 11 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 4 เดือน มีผลเท่ากับศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดกระทงแรกมีกำหนด 4 ปี และในความผิดกระทงหลังมีกำหนด 3 ปี 4 เดือน ซึ่งเป็นการลงโทษจำคุกในแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและธนบัตร 1,600 บาท ของกลาง และคืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี รวมสองกระทงจำคุก 11 ปี คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 4 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ คำขออื่นนอกนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี และฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี รวมสองกระทงจำคุก 11 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 4 เดือน มีผลเท่ากับศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดกระทงแรกมีกำหนด 4 ปี และในความผิดกระทงหลังมีกำหนด 3 ปี 4 เดือน ซึ่งเป็นการลงโทษจำคุกในแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง การที่จำเลยฎีกาว่าพยานโจทก์เบิกความมีพิรุธและขัดต่อเหตุผล จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพราะถูกบังคับขู่เข็ญและทำร้ายร่างกาย สำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ไม่ระบุชื่อผู้ที่ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เป็นพิรุธ พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดหรือไม่นั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยมาโดยเห็นว่าแม้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ได้ต้องห้ามฎีกานั้น เป็นการไม่ชอบและยังถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลย

Share