แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน พ.ศ.2471(แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าอันกระทบถึงความปลอดภัยฯ (ฉบับที่3) พ.ศ.2489 มาตรา 3) นั้น ผู้กระทำผิดจะต้องเป็นผู้ประกอบกิจการประกันภัยเอง หาใช่เป็นแต่เพียงตัวแทนหรือนายหน้าเท่านั้นไม่ โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย(ซึ่งเป็นเพียงนายหน้า)ตามบทกฎหมายดังกล่าวนั้นไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 21/2507)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๐๓ ถึง ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๔ จำเลยซึ่งเป็นผู้แทนของบริษัทนครหลวงสงเคราะห์เศรษฐกิจ จำกัด ได้ร่วมกับบริษัทดังกล่าว จัดหาคนเข้าเป็นสมาชิกแผนกวิวาห์สงเคราะห์ของบริษัทได้หลายคน ตามระเบียบบุคคลผู้เป็นสมาชิกจะต้องส่งเงินแก่บริษัทในลักษณะเบี้ยประกันเป็นงวด งวดละ ๑๖๕ บาท เมื่อสมาชิกทำการสมรส บริษัทจะจ่ายเงินสงเคราะห์ตามจำนวนที่กำหนดในหนังสือสำคัญ อย่างต่ำ ๕,๐๐๐ บาท อย่างสูง ๗,๕๐๐ บาท เมื่อมีบุตรคนแรกและคนที่ ๒ จ่ายให้อีกคนละ ๒,๕๐๐ บาท หรือ ๓,๗๕๐ บาท ทั้งนี้ แล้วแต่ระยะเวลาของการเป็นสมาชิก จำเลยได้เรียกเก็บเงินจากสมาชิกผู้เอาประกันส่งให้บริษัทในลักษณะเบี้ยประกันไปแล้วหลายงวด และยังเรียกเก็บอยู่อีกการกระทำของจำเลยและบริษัทดังกล่าวมีสภาพคล้ายคลึงกับการประกันภัย ได้กระทำลงโดยมิได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน พ.ศ.๒๔๗๒ มาตรา ๗,๘ ; (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๔๘๙ มาตรา ๓
จำเลยทั้งสองให้การว่า ได้เป็นตัวแทนของบริษัทนครหลวงสงเคราะห์เศรษฐกิจ จำกัด และได้หาคนเข้าเป็นสมาชิกแผนกวิวาห์สงเคราะห์ มีวิธีการ รับเงิน จ่ายเงิน ดังฟ้อง แต่จำเลยทำตามข้อบังคับและเงื่อนไขของบริษัทโดยไม่ทราบว่าบริษัทได้รับอนุญาตหรือไม่
ศาลจังหวัดชุมพรเห็นว่า การที่สมาชิกแผนกวิวาห์สงเคราะห์ต้องส่งเงินให้บริษัทเป็นงวด ๆ และบริษัทตกลงใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่สมาชิกเมื่อทำการสมรสนั้น เป็นการประกันการสมรส และถือได้ว่า เป็นการประกัน”ในเหตุอย่างอื่นในอนาคตดังได้ระบุไว้ในสัญญา”ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๖๑ จึงเป็นการประกอบกิจการอันมีสภาพคล้ายคลึงกับกิจการประกันภัย และจำเลยรู้แล้วว่าบริษัทไม่ได้รับอนุญาต พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองผิดตามฟ้อง ปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า หลักการของการวิวาห์สงเคราะห์นั้นเห็นได้ชัดแจ้งว่าเป็นการสงเคราะห์บุคคลที่จะทำการสมรส จึงไม่มีสภาพคล้ายคลึงการประกันภัย พิพากษากลับ ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า ตามสำนวนปรากฎว่าจำเลยเป็นเพียงนายหน้าหาลูกค้าให้บริษัทเท่านั้น หาใช่เป็นตัวผู้กระทำการเป็นคู่สัญญาที่จะต้องจ่ายเงินผลประโยชน์ให้แก่ผู้ชำระเงินเป็นงวด ๆ นั้นไม่ จึงไม่เข้าลักษณะเป็นความผิดตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยฯ เพราะตามมาตรา ๗ ผู้กระทำผิดจะต้องเป็นผู้ประกอบกิจการประกันภัยเอง หาใช่เป็นแต่เพียงตัวแทนหรือนายหน้าเท่านั้นไม่ ที่ประชุมใหญ่จึงมีมติว่า โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างนั้นไม่ได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาโจทก์