แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคสอง ที่กำหนดให้คู่ความฝ่ายที่เสียหายต้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเกิดมูลแห่งข้ออ้างนั้น ใช้บังคับแก่การยื่นคำร้องให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบทุกกรณีไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างพิจารณาหรือหลังจากศาลพิพากษา
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันมากับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1751/2546 ของศาลชั้นต้น แต่คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยคู่ความมิได้ฎีกา คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้ โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน 757,190 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ของโจทก์ให้ยก กับให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ทนายโจทก์และทนายจำเลยที่ 1 สามารถตกลงกันได้ขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งอนุญาต และทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ในส่วนของโจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งอนุญาต ให้จำหน่ายคดีสำหรับโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ โจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 1751/2546 ของศาลชั้นต้นไม่คัดค้าน ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งอนุญาต ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว และมีคำสั่งว่าก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่ม 30,717.50 บาท จากโจทก์ ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวแล้ว คดีอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในศาลชั้นต้น ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบในชั้นอุทธรณ์ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพิกถอนคำสั่งที่ให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระเพิ่มในชั้นอุทธรณ์จำนวน 30,717.50 และมีคำสั่งให้งดการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ด้วย
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งว่าโจทก์ต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องเพื่อให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง แต่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นล่วงพ้นระยะเวลาดังกล่าว คำร้องของโจทก์ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำร้องของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 จะต้องยื่นภายในเวลา 8 วัน นับแต่วันที่โจทก์ได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่ง เมื่อมีการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นพิจารณาได้เอง หรือคู่ความฝ่ายที่เสียหายมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนได้ ส่วนระยะในการยื่นคำร้อง มาตรา 27 วรรคสอง กำหนดให้คู่ความฝ่ายที่เสียหายต้องยื่นไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเกิดมูลแห่งข้ออ้างนั้น ซึ่งระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าวนี้ใช้บังคับแก่การยื่นคำร้องให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบทุกกรณีไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างพิจารณาหรือหลังจากศาลพิพากษา หาใช่ว่าใช้บังคับเฉพาะกรณีขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบช่วงก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไม่ ดังนั้น คำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลอุทธรณ์ ภาค 7 เพิกถอนคำสั่งที่ให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระเพิ่มในชั้นอุทธรณ์ จำนวน 30,717.50 บาท โดยอ้างว่าศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วไม่ชอบที่จะสั่งให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์เพิ่มนั้น จึงอยู่ในบังคับแห่งระยะเวลา 8 วัน ที่จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่ให้เรียกค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์จากโจทก์เพิ่ม 30,717.50 บาท และโจทก์ทราบคำสั่งดังกล่าวในวันที่ 26 ธันวาคม 2548 ซึ่งหากโจทก์เห็นว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ดังกล่าวผิดหลงหรือผิดระเบียบโจทก์ต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องเพื่อให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 246 แต่โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2549 จึงล่วงพ้นระยะเวลาดังกล่าว คำร้องของโจทก์ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ