แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองได้ให้การไว้แล้วว่า ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จึงไม่มีหนี้ซึ่งจะต้องชำระให้แก่โจทก์ ทั้งศาลชั้นต้นก็ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคู่สัญญาซื้อขายตามที่โจทก์อ้างหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า จำเลยที่ 2 รับของไปจากโจทก์เพื่อทดลองใช้ดูก่อนหากเป็นที่พอใจจะได้ตกลงทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันในภายหลังจึงเป็นการนำสืบและวินิจฉัยในประเด็นโดยตรงว่า จำเลยทั้งสองเป็นคู่สัญญาซื้อขายตามที่โจทก์อ้างหรือไม่นั่นเอง กรณีหาใช่การรับฟังข้อเท็จจริงนอกประเด็นไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม 2529จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้แทนและฐานะส่วนตัวได้ซื้อเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องไดร์ฟและอุปกรณ์จากโจทก์รวม 4 รายการ เป็นเงิน 796,110 บาท ตกลงผ่อนชำระราคาเป็นเวลา 36 เดือนแต่จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ผ่อนชำระราคาให้ตามสัญญา โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและรับสินค้าคืนทั้งหมดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2529 ทำให้โจทก์เสียหายโดยคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 199,624 บาท จำเลยทั้งสองต้องชำระให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์รับสินค้าดังกล่าวคืนไปถึงวันฟ้องเป็นเงิน 36,222.87 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน235,846.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของ 199,624 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่ใช่คู่สัญญากับโจทก์และไม่มีนิติสัมพันธ์ใดต่อกัน โจทก์ไม่เสียหายตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2 รับของไปจากโจทก์เพื่อทดลองใช้ก่อนหากเป็นที่พอใจจะได้ตกลงทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันในภายหลังการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า จำเลยที่ 2 รับของไปจากโจทก์เพื่อทดลองใช้ดูก่อนจึงเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกประเด็นไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเห็นว่า จำเลยทั้งสองได้ให้การไว้แล้วว่า ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จึงไม่มีหนี้ซึ่งจะต้องชำระให้แก่โจทก์ ทั้งศาลชั้นต้นก็ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคู่สัญญาซื้อขายตามที่โจทก์อ้างหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า จำเลยที่ 2 รับของไปจากโจทก์เพื่อทดลองใช้ดูก่อนหากเป็นที่พอใจจะได้ตกลงทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันในภายหลัง จึงเป็นการนำสืบและวินิจฉัยในประเด็นโดยตรงว่าจำเลยทั้งสองเป็นคู่สัญญาซื้อขายตามที่โจทก์อ้างหรือไม่นั่นเองกรณีหาใช่การรับฟังข้อเท็จจริงนอกประเด็นดังฎีกาโจทก์ไม่
โจทก์ฎีกาในประการต่อมาว่า ใบส่งของหรือใบแจ้งหนี้ตามสำเนาภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ถึง 6เป็นพยานเอกสารมีน้ำหนักมั่นคงยิ่งกว่าพยานบุคคล เมื่ออ่านข้อความโดยตลอดแล้วเห็นได้ว่าเป็นการรับของไว้เนื่องจากการซื้อขายโดยวิธีผ่อนชำระราคา ไม่มีข้อความตอนหนึ่งตอนใดที่แสดงว่า โจทก์มอบของให้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2ทดลองใช้ พยานหลักฐานของโจทก์จึงฟังได้ตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าคดีมีเหตุผลให้เชื่อได้ดังจำเลยทั้งสองนำสืบว่าเป็นการรับเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้เพื่อทดลองประสิทธิภาพเท่านั้น จำเลยทั้งสองมิได้สั่งซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์จากโจทก์ดังฟ้อง เมื่อเป็นเช่นนี้กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยถึงประเด็นค่าเสียหายตามฎีกาของโจทก์อีกต่อไป
พิพากษายืน