แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินตามฟ้องจำเลยให้การว่าบ้านพิพาทปลูกอยู่บนที่สาธารณะชายทะเลห่างจากแนวเขตที่ดินตามฟ้องประมาณ 10 วา โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่าให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดแนวเขตที่ดินตามฟ้อง หากปรากฏว่าบ้านพิพาทอยู่ในแนวเขตที่ดินดังกล่าว จำเลยยอมแพ้ หากอยู่นอกเขตโจทก์ยอมแพ้ ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินได้รังวัดและทำแผนที่พิพาทตามที่โจทก์จำเลยนำชี้แนวเขตที่ดินตามฟ้องตรงกันโดยมีเจ้าของที่ดินข้างเคียงยืนยันแนวเขตถูกต้อง ได้ความว่าบ้านพิพาทอยู่ในที่ดินตามฟ้อง จึงทำหนังสือพร้อมแนบแผนที่พิพาทส่งศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์จำเลยตรวจดู จำเลยตรวจดูเอกสารดังกล่าวแล้วลงลายมือชื่อโดยไม่ได้โต้แย้งข้อความในหนังสือและแผนที่พิพาทว่าไม่ถูกต้องถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่าแผนที่พิพาทที่เจ้าพนักงานที่ดินทำขึ้นนั้นถูกต้อง อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นจำเลยจะอ้างว่าเนื้อที่ดินที่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดนั้นเกินไปกว่าจำนวนที่ดินจริงตาม น.ส.3 ก. ของที่ดินตามฟ้องหาได้ไม่ เพราะน.ส.3 ก. ของที่ดินตามฟ้องมีเนื้อที่เท่าใดไม่เป็นประเด็นในคำท้าเมื่อปรากฏว่าบ้านพิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามฟ้องจำเลยจึงต้องแพ้คดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาโดยจดทะเบียนขายที่ดิน น.ส.3 ก.เลขที่ 2489 ให้โจทก์ในราคา 600,000 บาท จำเลยได้รับเงินไปครบถ้วนแล้วในวันทำสัญญาและตกลงว่าจะรื้อบ้านซึ่งปลูกสร้างในที่ดินออกไปภายใน 90 วัน นับแต่วันทำสัญญา เมื่อครบกำหนดตามสัญญา จำเลยไม่ยอมรื้อถอนบ้านและขนย้ายบริวารออกไปจากที่ดิน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านและขนย้ายบริวารออกจากที่ดินตามฟ้อง
จำเลยให้การว่า บ้านที่โจทก์ฟ้องเลขที่ 39/1 ปลูกอยู่บนที่สาธารณะชายทะเลทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินพิพาทห่างจากแนวเขตที่ดินตามฟ้องประมาณ 10 วา โดยมีคูน้ำเป็นแนวเขต ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างสืบพยาน คู่ความตกลงท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอขนอมไปรังวัดแนวเขตที่ดินตามแผนที่ใน น.ส.3 ก. เลขที่ 2489หากปรากฏว่าบ้านเลขที่ 39/1 อยู่ในแนวเขตที่ดินดังกล่าว จำเลยยอมแพ้คดี หากอยู่นอกแนวเขตโจทก์ยอมแพ้คดี เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอขนอมรังวัดแนวเขตแล้วทำหนังสือถึงศาลชั้นต้นว่าบ้านเลขที่ 39/1 อยู่ภายในเขตที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 2489
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า พิพากษาให้จำเลยรื้อบ้านและขนย้ายบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยได้ท้ากันมีความว่า “จำเลยตกลงให้เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอขนอมไปรังวัดแนวเขตที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2489หากปรากฏว่าเลขที่ 39/1 อยู่ในแนวเขตที่ดินดังกล่าว จำเลยยอมแพ้หากอยู่นอกเขตโจทก์ยอมแพ้” เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอขนอมได้รังวัดสอบเขตที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 2489 อันเป็นที่ดินพิพาทแล้วมีหนังสือถึงศาลชั้นต้นว่า ในการรังวัดคู่ความทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต่างเป็นผู้นำชี้แนวเขตที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2489 ตรงกันโดยมีกำนันซึ่งเป็นผู้ปกครองท้องที่ได้ร่วมเป็นพยานและระวังชี้เขตชายทะเลในน่านน้ำไทยพร้อมทั้งเจ้าของที่ดินข้างเคียงยืนยันว่าแนวเขตถูกต้องและไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้านได้ความว่าบ้านเลขที่ 39/1อยู่ภายในที่ดินแปลงที่คู่ความนำชี้ รายละเอียดปรากฏตามแผนที่พิพาทซึ่งส่งมาพร้อมนี้แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์จำเลยตรวจดูจำเลยตรวจดูเอกสารดังกล่าวแล้วลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือดังกล่าวโดยไม่ได้โต้แย้งข้อความในหนังสือดังกล่าวและแผนที่พิพาทว่าไม่ถูกต้อง ถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่าแผนที่พิพาทที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอขนอมทำขึ้นนั้นถูกต้อง อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยจะอ้างว่าเนื้อที่ดินที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอขนอมรังวัดนั้นเกินไปกว่าจำนวนที่เป็นจริงตาม น.ส.3 ก.เลขที่ 2489 หาได้ไม่ เพราะที่ดินตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2489มีเนื้อที่เท่าใดไม่เป็นประเด็นในคำท้า เมื่อปรากฏว่าบ้านเลขที่ 39/1 อยู่ในเขตที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 2489 จำเลยจึงต้องแพ้คดีไม่มีเหตุจะไต่สวนตามฎีกาของจำเลย
พิพากษายืน