คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3865/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่านัดไต่สวนมูลฟ้องให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดให้จำเลยส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน7วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้องกำหนด7วันดังกล่าวแม้จะไม่ระบุให้ชัดว่านับแต่วันใดก็มีความหมายชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่าในแถลงใน7วันนับแต่วันส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดไม่ได้หาใช่นับแต่วันที่เจ้าพนักงานเดินหมายรายงานผลการส่งหมายต่อศาลไม่เมื่อโจทก์ไม่แถลงต่อศาลใน7วันนับแต่วันส่งไม่ได้ตามคำสั่งศาลจึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2)ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้จำหน่ายคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา132(1)ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 358, 359(4), 362, 365(2)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องว่า นัดไต่สวนมูลฟ้อง ให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดให้จำเลยภายใน 7 วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้อง ต่อมาเจ้าพนักงานเดินหมายรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2536 ได้นำสำเนาคำฟ้องและหมายนัดไปส่งให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 แต่ส่งให้ไม่ได้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารอฟังโจทก์ วันที่ 3 ธันวาคม 2536 โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนวันนัดไต่สวนมูลฟ้องและขอให้ส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 อีกครั้ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์มิได้แถลงภายใน 7 วัน ตามคำสั่ง เป็นการทิ้งฟ้อง จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นสั่งไว้ลอย ๆในคำฟ้องว่า ให้โจทก์นำส่ง หากส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วันไม่ระบุให้ชัดเจนว่าโจทก์จะต้องแถลงภายใน 7 วัน นับตั้งแต่เมื่อใดทำให้เกิดปัญหาในการตีความคำสั่งศาลว่าต้องการให้แถลงภายใน 7 วันนับตั้งแต่เมื่อใดทั้งในทางปฏิบัติโจทก์ผู้นำส่งเพียงแต่นำเงินค่าธรรมเนียมและค่าป่วยการไปวางแก่เจ้าหน้าที่ศาล เจ้าหน้าที่ศาลจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปส่ง เป็นการยากที่โจทก์จะทราบว่าใครไปส่งหมายของโจทก์ เพราะฉะนั้น โจทก์จะทราบผลการส่งหมายได้ก็ต่อเมื่อมีรายงานผลการส่งหมายแล้วเท่านั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลใน 7 วัน นับแต่เจ้าพนักงานเดินหมายรายงานต่อศาล แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่มีเจตนาที่จะทิ้งฟ้องนั้น เห็นว่า หากโจทก์นำเจ้าพนักงานเดินหมายไปส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดด้วยตนเองตามคำสั่งศาลโจทก์ย่อมทราบผลการส่งหมายในวันนำส่ง โจทก์จะอ้างแนวทางปฏิบัติที่เป็นการสะดวกแก่โจทก์มาเป็นข้อยกเว้นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งในคำฟ้องหาได้ไม่แต่แม้โจทก์จะไม่ได้นำเจ้าพนักงานเดินหมายไปส่งด้วยตนเอง หากโจทก์แถลงต่อศาลภายใน 7 วัน ตามที่ศาลกำหนดก็ไม่ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง กำหนด 7 วันที่ศาลชั้นต้นสั่ง แม้จะไม่ระบุให้ชัดว่านับแต่วันใด แต่เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดให้แถลงต่อเมื่อส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดให้จำเลยไม่ได้ ย่อมหมายความชัดเจนแล้วว่าให้แถลงใน 7 วัน นับแต่วันส่งสำเนาคำฟ้องและหมายนัดไม่ได้นั่นเองหาใช่นับแต่วันที่เจ้าพนักงานเดินหมายรายงานผลการส่งหมายต่อศาลไม่เมื่อโจทก์ไม่แถลงต่อศาลชั้นต้นภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ตามคำสั่งศาลจึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยชอบ อันเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1) ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
พิพากษายืน

Share