แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเอาข้าวเปลือกเข้าไปเก็บไว้ในอาคารโรงเรียนที่เกิดเหตุโดยมิได้รับอนุญาต แม้โรงเรียนจะเป็นของส่วนรวม ส. ผู้เสียหายเป็นเจ้าของแต่เพียงในนามเพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ ปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของมารดาจำเลยและหมดอายุสัญญาเช่าแล้ว ส.ผู้เสียหายก็มีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาโรงเรียนที่เกิดเหตุการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานบุกรุก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันบุกรุกนำเอาข้าวเปลือกเข้าไปเก็บไว้ในอาคารโรงเรียนราษฎร์บำรุงผดุงวิทยาของนายสุธนโดยจำเลยปีนฝาเข้าทางช่องลมไปเปิดประตูอาคารทั้งร่วมกันทำให้โต๊ะ เก้าอี้เสียหาย ขอให้ลงโทษฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364, 358, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ และนำสืบต่อสู้ว่าโรงเรียนดังกล่าวเป็นของส่วนรวมชาวตลาดซึ่งร่วมกันสร้างขึ้น ผู้เสียหายมีชื่อเป็นเจ้าของแต่เพียงในนามเพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุก ยกฟ้องโจทก์ฐานทำให้เสียทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ฐานบุกรุกด้วย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานบุกรุก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า อาคารโรงเรียนที่เกิดเหตุปลูกอยู่ในที่ดินเช่าจากมารดาจำเลย มีนายสุธนผู้เสียหายเป็เจ้าของ ขณะเกิดเหตุได้ยุบเลิกโรงเรียนแล้วเพราะไม่มีนักเรียน จำเลยทั้งสองได้เข้าไปปัดกวาดในอาคารแล้วนำข้าวเปลือกประมาณ 200 เกวียน เข้าไปเก็บไว้ในอาคารนั้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย การที่จำเลยทั้งสองเอาข้าวเปลือกเข้าไปเก็บไว้ในอาคารที่เกิดเหตุโดยมิได้รับอนุญาต แม้โรงเรียนจะเป็นของส่วนรวมนายสุธนผู้เสียหายเป็นเจ้าของแต่เพียงในนามดังที่จำเลยนำสืบ อาคารปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของมารดาจำเลยและหมดอายุสัญญาเช่าแล้ว นายสุธนผู้เสียหายก็มีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกตามโจทก์ฟ้อง
พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น