แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า อุทธรณ์จำเลยเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์จำเลย
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยข้อ 2.1 ที่ว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีนอกเหนือไปจากที่ปรากฏในสำนวน ข้อ 2.2 ที่ว่า คำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 51 ที่ไม่แสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยข้อ 2.3 การแปลความคำว่านายจ้าง ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยแตกต่างไปจากที่กฎหมายกำหนดไว้ และข้อ 2.4 การที่นางสาวพรรณี พูดว่า ให้ออกไปเลยในวันนี้ เป็นการโต้เถียงเพียงว่าคำพูดดังกล่าวยังแปลความไม่ถึงขั้นเป็นการพูดไม่ให้โจทก์ทำงานต่อไปได้นั้น ล้วนแต่เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดรับอุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 44)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 10,000 บาท และชำระสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 15,667 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 25 เมษายน 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ชำระค่าจ้างจำนวน 4,667 บาท และค่าชดเชยจำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 25 เมษายน 2544) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 39)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 40)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อ 2.1 ที่ว่า นางสาวพรรณีวนาสุขพันธ์เป็นเพียงผู้จัดการฝ่ายการตลาดของจำเลยเท่านั้น แต่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่านางสาวพรรณีเลิกจ้างโจทก์โดยกระทำในฐานะตัวแทนของจำเลย เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดตัดสินคดีนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนหรือไม่ก็ดี ข้อ 2.2 ที่ว่า เมื่อศาลแรงงานกลางไม่ได้แสดงเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยว่า เหตุใดจึงเห็นว่านางสาวพรรณีกระทำในฐานะตัวแทนของจำเลย คำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางดังกล่าวชอบด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 51 หรือไม่ก็ดี ข้อ 2.3 ที่ว่า เมื่อนางสาวพรรณีเป็นเพียงผู้จัดการฝ่ายการตลาดของจำเลย ไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยและไม่ปรากฏว่าได้รับมอบหมายอย่างชัดแจ้งจากผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยให้เลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยรวมทั้งโจทก์ นางสาวพรรณีจะมีอำนาจเลิกจ้างโจทก์หรือไม่ก็ดี และข้อ 2.4 ที่ว่า คำพูดของนางสาวพรรณี ที่พูดกับโจทก์ว่า ให้ออกไปเลยในวันนี้ เมื่อพิจารณาประกอบกับเอกสารหมาย จ.1 ตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางจะถือได้หรือไม่ว่า เป็นการบอกเลิกจ้างโจทก์แล้วก็ดี ล้วนเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมายทั้งสิ้น ส่วนอุทธรณ์ข้อ 3 เป็นอุทธรณ์เกี่ยวเนื่องกับอุทธรณ์ในข้อ 2.1 ถึง 2.4 จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมายเช่นเดียวกันให้รับอุทธรณ์ทุกข้อของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป