คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้โก่นสร้างที่พิพาทแล้วครอบครองเป็นเจ้าของมาแต่แรก แต่ปรากฏตามคำพยานโจทก์เองว่าเมื่อ พ.ศ.2492โจทก์ยื่นคำร้องยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่บุคคลที่สาม จำเลยคัดค้านว่าที่ดินนั้นเป็นของจำเลยสับสร้างมา อำเภอจึงไม่ทำการโอนให้และโจทก์หาได้เรียกคืนการครอบครองจากจำเลยและต่อมาโจทก์กลับไปอาศัยจำเลยอยู่อีก ที่พิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ จำเลยย่อมได้สิทธิโดยการครอบครอง โจทก์ฟ้องขับไล่ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่นาแปลงหนึ่งชื่อนาบ่อส้อม อยู่ที่หมู่ 1 ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 14 ไร่เป็นของโจทก์ได้มาโดยการสับสร้าง โจทก์ได้ครอบครองมากว่า 50 ปีแล้วเมื่อ 3-4 ปีมานี้โจทก์ได้แบ่งที่นาแปลงนี้ให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมส่วนหนึ่ง เนื้อที่ราว 4 ไร่ ซึ่งจำเลยได้ขายไปแล้วที่นาของโจทก์คงเหลือราว 10 ไร่ราคา 2,000 บาท มีอาณาเขตตามฟ้อง โจทก์ได้ให้จำเลยอาศัยทำนามาได้ 3 ปีแล้ว ครั้นเมื่อ 7-8 เดือนก่อนฟ้องโจทก์ออกจากบ้านจำเลยไปอยู่กับบุตรของโจทก์โจทก์ต้องการให้บุตรโจทก์ทำนาให้จำเลยกลับขัดขวางและแจ้งต่ออำเภอว่าจำเลยเป็นเจ้าของ เป็นการแบ่งกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองของโจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกไปจากที่พิพาทห้ามไม่ให้เกี่ยวข้อง

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย ๆ ได้โก่นสร้างเมื่อประมาณ 40 ปีมาแล้ว ทั้งได้ครอบครองถือกรรมสิทธิ์มาจนบัดนี้โจทก์ไม่เคยสับสร้างและไม่เคยแบ่งที่นาให้จำเลย โจทก์อาศัยจำเลยอยู่เพิ่งออกไปเมื่อเดือน 6พ.ศ. 2498 นี้ นางหมิกบุตรบุญธรรมของโจทก์ไปร้องต่ออำเภอว่า โจทก์ยกที่นาพิพาทให้นางหมึกแล้วอำเภอสั่งให้นางหมึกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องเสียเอง

คู่ความตกลงตีราคาที่พิพาทเป็นเงิน 8,000 บาท เป็นทุนทรัพย์ในคดีนี้

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยโจทก์เป็นผู้บุกเบิกมา จำเลยเป็นเพียงอาศัยทำนาพิพาทเท่านั้น พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาทห้ามไม่ให้เกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์และนายแดงน้องชายมาแต่เดิม นายแดงตายโดยไม่มีบุตรภรรยา โจทก์เลยเป็นเจ้าของที่นาพิพาทต่อมาแต่ผู้เดียว แต่จำเลยได้ครอบครองที่นาพิพาทอย่างเจ้าของอย่างน้อยตั้งแต่ พ.ศ. 2492 ตลอดมา ที่นาพิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครอง พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาว่า ข้อที่โต้เถียงกันว่าที่นาพิพาทเป็นของฝ่ายใดนั้น พิเคราะห์คำพยานทั้งสองฝ่ายแล้วเชื่อว่าโจทก์ได้โก่นสร้างที่พิพาทแล้วครอบครองเป็นเจ้าของมาแต่แรก แต่ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์เองและนายก้องพยานโจทก์ว่าเมื่อ พ.ศ. 2492 โจทก์ยื่นคำร้องยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้นายหวาน จำเลยคัดค้านว่าที่ดินนั้นเป็นของจำเลยสับสร้างมา อำเภอจึงไม่ทำการโอนให้ เมื่อจำเลยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทเช่นนี้ โจทก์หาได้เรียกคืนการครอบครองจากจำเลยไม่ ต่อมาโจทก์กลับไปอาศัยจำเลยอยู่อีกที่พิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ จำเลยย่อมได้สิทธิโดยการครอบครอง โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ให้ยกฎีกาโจทก์โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ค่าธรรมเนียมและค่าทนายความในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share