แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายล้วงกระเป๋าลักปากกาหมึกซึมของผู้เสียหายถูกจับคาหนังคาเขา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จ มิใช่เป็นชั้นพยายามกระทำความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 99 เวลากลางคืน จำเลยมีหลาวทองเหลืองเป็นอาวุธได้บังอาจลักปากกาหมึกซึมยี่ห้อป๊ากเกอร์ปลอกทอง 1 ด้ามราคา 250 บาทของนายนิตย์หรือมงคล หิรัญรัตน์ ไปเหตุเกิดในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ตำบลลุมพินี จังหวัดพระนคร จำเลยเคยต้องคำพิพากษาลงโทษจำคุกตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง พ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปีไม่เข็ดหลาบขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293, 72 พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 80 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 92 คืนปากกาแก่ผู้เสียหายและริบหลาวทองเหลือง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลอาญาเชื่อว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงดังโจทก์หาและจำเลยเคยต้องคำพิพากษาศาลมาดังใบแดงแจ้งโทษ จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 293 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 อาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลย จำคุก 3 ปี ปากกาคืนผู้เสียหาย หลาวของกลางริบ ข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษนั้นไม่เพิ่มโทษให้ตาม พระราชบัญญัติล้างมลทิน พ.ศ. 2499 มาตรา 3
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จหรือเพียงพยายามกระทำความผิด
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเป็นคนร้ายล้วงกระเป๋าลักปากกาหมึกซึมของนายนิตย์ผู้เสียหาย ถูกจับคาหนังคาเขา การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จ มิใช่เพียงขั้นพยายามกระทำความผิด จึงพิพากษายืน