คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตำรวจสั่งให้ผู้ฉายภาพยนตร์นำฟิลม์ภาพยนตร์ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานให้ฉายได้แล้วมาตรวจที่สถานีตำรวจ ผู้ฉายไม่ปฏิบัติตามไม่มีความผิดถ้าตำรวจจับผู้ฉายมากักขังไว้ ตำรวจต้องมีความผิดตาม ม.271
กระทำตามคำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาโดยชอบไม่มีผิด ประมวลวิธีพิจารณาอาญาม.219-222
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์จะฎีกาได้แต่ในปัญหาข้อกฎหมาย
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/79

ย่อยาว

คดีได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้บังคับกองตำรวจมีหนังสือแจ้งไปยัง ก.ผู้ได้รับอนุญาตให้ฉายภาพยนตร์ ว่าถ้าจะนำภาพยนตร์เรื่องใดออกฉายให้ ก.ส่งภาพยนตร์นั้นมาให้ตรวจก่อน โจทก์ทั้ง ๒ ได้นำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งออกฉายโดยมิได้ส่งภาพยนตร์ที่ฉายไปให้ตำรวจตรวจก่อน จำเลยที่ ๑ จึงสั่งให้จำเลยที่ ๒-๓-๔ ไปจับโจทก์และฟิลม์ภาพยนตร์ที่ฉายนั้นมา ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้พิจารณาภาพยนตร์ที่กรุงเทพ ฯ ให้ฉายและมีใบอนุญาตแล้ว แต่พิลม์ภาพยนตร์มีตราเจ้าพนักงานประทับ ๒ ม้วนอีก ๘ ม้วนไม่มี โจทก์ที่ ๑ ถูกขัง ๓ ชั่วโมง โจทก์ที่ ๒ ถูกขัง ๑๗ ชั่วโมงโจทก์ที่ ๒ จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๔
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่า ได้มีคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยที่ ๓๖/๔๗๒๑ ห้ามมิให้เจ้าพนักงานผู้ตรวจภาพยนตร์สั่งให้เอาภาพยนตร์ไปตรวจที่อำเภอหรือสถานีตำรวจ เจ้าพนักงานควรไปตรวจสถานีที่มหรศพ หรือจะเรียกแต่ฉะเพาะใบอนุญาตที่เจ้าพนักงานผู้พิจารณาภาพยนตร์กรุงเทพฯ ออกให้ไปตรวจก็ได้ ส่วนการที่ภาพยนตร์ไม่มีดวงตราประทับที่ฟิลม์หนังทุกม้วนนั้นก็เนืองแต่ห้ามมิให้ฉายภาพยนตร์ต่อไปเท่านั้นเหตุที่ถึงกับจะต้องจับกุมกักขังกันนั้นต้องเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานสั่งห้ามไม่ให้นำออกฉาย ผู้ฉายยังคงฝ่าฝืนนำออกฉายจึงจะมีผิดฉะเพาะในเรื่องนี้การห้ามมิได้ฉายภาพยนตร์ก็เป็นการลงโทษแก่เจ้าของหรือผู้ฉายเพียงพอแล้ว เมื่อจำเลยจับโจทก์ไปกักขังเช่นนี้ก็ต้องมีผิด หากแต่ว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วว่า จำเลยไม่มีเจตนาร้าย จำเลยต้องมีผิดฐานประมาทตามมาตรา ๒๗๑ แห่งกฎหมายลักษณอาญา แต่ควรผิดฉะเพาะจำเลยที่ ๑ ผู้เดียว เพราะจำเลยที่ ๒-๓-๔ กระทำ ตามคำสั่งไม่ควรมีโทษตามมาตรา ๕๒ ข้อ ๒ ให้ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๕๐ บาท

Share