คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เบิกความเป็นพยานปากแรกโดยพลั้งเผลอ ไม่ได้ระบุอ้างตัวเองไว้ในระบุพยาน จึงร้องขออ้างเพิ่มเติมเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้ว จำเลยไม่ได้ทักท้วงก่อนโจทก์เบิกความศาลรับฟังคำโจทก์ได้เพื่อความยุติธรรม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยฎีกามีปัญหาข้อกฎหมาย ดังนี้

“ฯลฯ ข้อที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่า โจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขออ้างตัวเองเป็นพยานเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้ว ศาลไม่ควรรับฟังคำตัวโจทก์นั้น เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานฝ่าฝืน มาตรา 88 และมาตรา 90 คือต้องยื่นบัญชีระบุพยานและยื่นสำเนาเอกสารต่อศาล และส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันก็ดีแต่ใน มาตรา 87(2) นั้นเองได้บัญญัติไว้ว่า “ฯลฯ แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี โดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้” เรื่องนี้โจทก์ได้เข้าเบิกความเป็นพยานปากแรก โดยพลั้งเผลอไม่ได้ระบุอ้างตัวโจทก์ไว้ในบัญชีระบุพยานซึ่งได้ยื่นไว้ตามมาตรา 88 แล้ว และจำเลยก็ไม่ทักท้วงเสียก่อนที่ตัวโจทก์จะเบิกความเป็นพยาน ศาลได้สืบตัวโจทก์และหลักฐานพยานอื่นเสร็จไปแล้วตัวโจทก์เป็นพยานสำคัญแห่งประเด็นในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลชั้นต้นอนุญาต และศาลอุทธรณ์รับฟังคำตัวโจทก์มาชอบด้วยกฎหมายแล้ว”

พิพากษายืน

Share