แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามฟ้อง เมื่อจำเลยอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำโดยสำคัญผิดว่าเป็นพวกคนร้ายมาปล้นเรือน แต่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ดังนี้ แม้โจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เพียงแต่แก้ฎีกาโจทก์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม เมื่อศาลฎีกาฟังว่าเป็นการป้องกันพอควรแก่เหตุย่อมเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุขณะที่พันตำรวจตรีพิบูลย์ เกษร์อังกูรและเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธร อำเภอแถลง จังหวัดระยอง กำลังปฏิบัติหน้าที่โดยการล้อมที่พักเพื่อจับกุมจำเลยในข้อหามีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนยิงขู่ชาวบ้านอยู่นั้น จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงพันตำรวจตรีพิบูลย์และพลตำรวจมนัสรวมสองนัด กระสุนปืนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองที่บริเวณทรวงอก เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงทุพพลภาพและป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผลสมเจตนา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289(2), 80 ริบของกลางและนับโทษต่อจากคดีอาญาดำที่ 414/2509
จำเลยให้การปฏิเสธ
พันตำรวจตรีพิบูลย์ เกษร์อังกูรผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289(2), 80 ให้ลงโทษตามมาตรา 289(2), 80 อันเป็นกระทงหนัก จำคุกจำเลย 20 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ 13 ปี 4 เดือน นับโทษต่อจากคดีแดงที่ 415/2509
อธิบดีผู้พิพากษาภาคทำความเห็นแย้งว่า จำเลยกระทำโดยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้ายจะปล้นบ้าน แต่เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุสมควรจำคุกไว้ 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยยิงกลุ่มเจ้าพนักงานตำรวจโดยสำคัญผิดว่าเป็นพวกคนร้ายจะปล้นบ้าน แต่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 69, 62 วรรคต้น ให้จำคุกจำเลย 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3ตามมาตรา 78 คงให้จำคุกไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยสำคัญผิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมาล้อมที่พักจำเลยในเวลาดึกสงัดเป็นพวกมาปล้น เมื่อคำนึงถึงสถานที่และเวลาเกิดเหตุตลอดจนระยะที่พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ห่างไปจากเรือนเพียง 7 วา การที่จำเลยยิงสุ่มไปยังหมู่คนที่ออกันอยู่เพื่อขับไล่หรือให้รู้ว่าเจ้าบ้านมีอาวุธต่อสู้เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาคัดค้านขึ้นมา แต่กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์