คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่า พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่จำเลยอ้าง จะเป็นการชอบด้วยประมวลแพ่ง ฯ มาตรา 1658 หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พินัยกรรมฉะบับนี้ตกเป็นโมฆะในฐานะเป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง แต่สมบูรณ์ในฐานะเป็นพินัยกรรมธรรมดาตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 136 ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกัน เพราะคู่ความมิได้แถลงว่า ถ้าพินัยกรรมฉะบับนี้ไม่เป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ก็ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า จะเข้าแบบสมบูรณ์ เป็นพินัยกรรมอย่างอื่นหรือไม่
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองมีปลัดอำเภอลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพะยานรับรองพินัยกรรมอีกฐานะหนึ่งกับมีนายสุดเซ็นเป็นพะยานอีกคนหนึ่ง เมื่อตัดชื่อนายสุวัธน์ออกจากฐานะเป็นพะยาน โดยเหตุที่เป็นกรมการอำเภอผู้กระทำกิจการตามหน้าที่ราชการแล้ว ก็คงเหลือแต่นายสุดผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นพะยาน แต่เป็นผู้ที่ได้รับรู้การแจ้งความประสงค์ของผู้ทำพินัยกรรมต่อกรมการอำเภอ พะยานขาดจำนวนไปคนหนึ่ง จึงไม่ครบจำนวนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะในฐานะพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งทรัพย์ของนายยวนหลานโจทก์ทั้งหมด ให้โจทก์ได้ ๑ ส่วน โดยกล่าวว่านายยวนเป็นคนวิกลจริตมาแต่กำเหนิดมีทรัพย์รวมราคา ๘๐๐๐ บาท อยู่ในอารักขาของจำเลยซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ นายยวนวายชนม์ โจทก์เป็นญาติสนิทยิ่งกว่าจำเลย ควรได้รับมฤดกตามกฎหมาย จำเลยให้การว่า นายยวนไม่ใช่คนวิกลจริตมาแต่กำเหนิด เพียงแต่มีสติฟั่นเฟือนบางครั้งบางคราวเท่านั้น นายยวนทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกทรัพย์ตามฟ้องให้แก่ำจเลยและสามี, โจทก์ไม่มีสิทธิรับมฤดก ศาลชั้นต้นเห็นว่าพินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมฝ่ายเมืองใช้ได้ตามกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พินัยกรรมฉะบับนี้เป็นโมฆะในฐานะเป็นเอกสารฝ่ายเมือง เพราะมีลายมือชื่อนายสุดเป็นพะยานผู้เดียว นายสุวัธน์ปลัดอำเภอเป็นผู้ทำพินัยกรรมเป็นกรมการอำเภอ หาใช่พะยานตามมาตรา ๑๖๕๘ (๑) แต่ก็สมบูรณ์ในฐานะที่เป็นพินัยกรรมธรรมดา ตามมาตรา ๑๓๖ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา และว่าศาลอุทธรณ์ตัดสินเกินประเด็นข้อโต้เถียง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ชั้นแรกคู่ความมีข้อโต้เถียงหลายประการ ครั้นเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๙๐ ทนายโจทก์และทนายจำเลยแถลงรับกันหลายประการ และขอให้ศาลวินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่า พินัยกรรม์ฉะบับนี้จะใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ เพราะพินัยกรรมนี้เป็นเอกสารฝ่ายเมือง นายสุวัธน์ปลัดอำเภอผู้ทำพินัยกรรมฉะบับนี้ จะลงชื่อในฐานะเป็นพะยานรับรองพินัยกรรมอีกฝ่ายหนึ่งนั้น จะเป็นการชอบด้วย ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๖๕๘ หรือไม่ ถ้าศาลวินิจฉัยว่า พินัยกรรมนี้ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ยอมแพ้คดี ถ้าวินิจฉัยว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยก็ยอมแพ้คดี ทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจให้วินิจฉัยข้ออื่นต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่าความประสงค์ของคู่ความที่ท้ากันนั้น เจตนาจะให้ศาลวินิจฉัยในเรื่องแบบของพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองว่าพินัยกรรมฉะบับนี้จะเป็นเอกสารฝ่ายเมืองตามมาตรา ๑๖๕๘ หรือไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพินัยกรรมตกเป็นโมฆะถูกต้องตรงกับประเด็นที่คู่ความโต้แย้งกันแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าพินัยกรรมสมบูรณ์ในฐานะเป็นพินัยกรรมธรรมดาตามมาตรา ๑๓๖ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกัน เพราะคู่ความมิได้แถลงว่า ถ้าพินัยกรรมฉะบับนี้ไม่เป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ก็ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าจะเข้าแบบสมบูรณ์เป็นพินัยกรรมอย่างอื่นหรือไม่
การทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองในคดีนี้ นายสุวัธน์ปลัดอำเภอได้ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพะยานรับรองพินัยกรรมอีกฐานะหนึ่ง เมื่อตัดชื่อนายสุวัธน์ออกจากฐานะพะยานเสียคนหนึ่ง โดยเหตุที่เป็นกรมการอำเภอผู้กระทำกิจการตามหน้าที่ราชการแล้ว ก็คงเหลือนายสุดผู้เดียว ที่ลงลายมือชื่อเป็นพะยานและเป็นผู้ได้รับรู้การแจ้งความประสงค์ของผู้ทำพินัยกรรมต่อกรมการอำเภอ พะยานขาดจำนวนไป ๑ คน ไม่ครบตามกฎหมายบัญญัติไว้ พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะในฐานะเป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายแพ้คดี
พิพากษากลับ ให้จำเลยส่งทรัพย์สินอันเป็นมฤดกของนายยวนให้แก่โจทก์.

Share